ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ฟื้นตัวจากน้ำท่วม ดันยอดส่งออก พ.ค.กลับมาเป็นบวก 7.68% “พาณิชย์” ยังมั่นใจทั้งปีส่งออกโต 15% ไม่ห่วงขาดดุล 3.3 แสนล้าน เหตุส่วนใหญ่นำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบ เผย “ปู” นั่งหัวโต๊ะถกแก้ปัญหาส่งออก 30 มิ.ย.
นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การค้าระหว่างประเทศของไทยเดือน พ.ค. 2555 มีมูลค่า 20,932.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.68% เมื่อคิดในรูปเงินบาทมีมูลค่า 641,137 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.68% ขณะที่การนำเข้าเดือน พ.ค.2555 มีมูลค่า 22,672.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 18.2% คิดในรูปเงินบาทมีมูลค่า 703,030.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.4% ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้า 1,739.7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 61,893.9 ล้านบาท
ส่วนยอดการส่งออก 5 เดือนของปี 2555 (ม.ค.-พ.ค.) มีมูลค่า 92,494 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 1.47% คิดในรูปเงินบาทมีมูลค่า 2.8 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.79% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่ารวม 102,288 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 11.55% คิดในรูปเงินบาทมีมูลค่า 3.1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.02% ส่งผลให้ 5 เดือนไทยขาดดุลการค้ามูลค่า 9,794 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาทขาดดุลการค้ามูลค่า 337,902 ล้านบาท
ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกเดือน พ.ค.2555 ขยายตัวเป็นบวกมาจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเมื่อปลายปีกลับมาผลิตสินค้าและส่งออกได้เป็นปกติ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์เพิ่ม 110.1% ส่วนประกอบยานยนต์เพิ่ม 54.9% เครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่ม 11.8% และอิเล็กทรอนิกส์เพิ่ม 10.9% และยังมีการส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดใหม่ เช่น อาเซียน จีน อินเดีย แอฟริกา ตะวันออกกลาง ที่กรมส่งเสริมการส่งออกได้ผลักดัน
นายภูมิกล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกในเดือน มิ.ย.2555 และเดือนต่อๆ ไปคาดว่าจะขยายตัวได้ดีขึ้น เพราะกำลังการผลิตสินค้าที่เสียหายจากน้ำท่วมจะฟื้นตัวได้เพิ่มมากขึ้น จึงมั่นใจว่าทั้งปีการส่งออกจะเติบโตได้ถึง 15% แน่ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายตัวเลขการส่งออกจะเติบโตได้เกิน 20% ขึ้นไป ส่วนดุลการค้าที่ขาดดุลมากในขณะนี้ไม่น่ากังวล เพราะส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบเพื่อขยายกำลังการผลิต แสดงให้เห็นว่าหลังจากนี้การผลิตสินค้าเพื่อส่งออกจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และดุลการค้าในครึ่งปีหลังน่าจะกลับมาเกินดุลได้
ทั้งนี้ ในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมร่วมกับผู้ผลิตและส่งออกสินค้ารายใหญ่ในประเทศ เพื่อรับฟังปัญหา และหามาตรการช่วยเหลือ รวมถึงกระตุ้นการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีให้เป็นไปตามเป้าหมาย
นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การค้าระหว่างประเทศของไทยเดือน พ.ค. 2555 มีมูลค่า 20,932.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.68% เมื่อคิดในรูปเงินบาทมีมูลค่า 641,137 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.68% ขณะที่การนำเข้าเดือน พ.ค.2555 มีมูลค่า 22,672.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 18.2% คิดในรูปเงินบาทมีมูลค่า 703,030.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.4% ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้า 1,739.7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 61,893.9 ล้านบาท
ส่วนยอดการส่งออก 5 เดือนของปี 2555 (ม.ค.-พ.ค.) มีมูลค่า 92,494 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 1.47% คิดในรูปเงินบาทมีมูลค่า 2.8 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.79% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่ารวม 102,288 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 11.55% คิดในรูปเงินบาทมีมูลค่า 3.1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.02% ส่งผลให้ 5 เดือนไทยขาดดุลการค้ามูลค่า 9,794 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาทขาดดุลการค้ามูลค่า 337,902 ล้านบาท
ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกเดือน พ.ค.2555 ขยายตัวเป็นบวกมาจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเมื่อปลายปีกลับมาผลิตสินค้าและส่งออกได้เป็นปกติ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์เพิ่ม 110.1% ส่วนประกอบยานยนต์เพิ่ม 54.9% เครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่ม 11.8% และอิเล็กทรอนิกส์เพิ่ม 10.9% และยังมีการส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดใหม่ เช่น อาเซียน จีน อินเดีย แอฟริกา ตะวันออกกลาง ที่กรมส่งเสริมการส่งออกได้ผลักดัน
นายภูมิกล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกในเดือน มิ.ย.2555 และเดือนต่อๆ ไปคาดว่าจะขยายตัวได้ดีขึ้น เพราะกำลังการผลิตสินค้าที่เสียหายจากน้ำท่วมจะฟื้นตัวได้เพิ่มมากขึ้น จึงมั่นใจว่าทั้งปีการส่งออกจะเติบโตได้ถึง 15% แน่ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายตัวเลขการส่งออกจะเติบโตได้เกิน 20% ขึ้นไป ส่วนดุลการค้าที่ขาดดุลมากในขณะนี้ไม่น่ากังวล เพราะส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบเพื่อขยายกำลังการผลิต แสดงให้เห็นว่าหลังจากนี้การผลิตสินค้าเพื่อส่งออกจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และดุลการค้าในครึ่งปีหลังน่าจะกลับมาเกินดุลได้
ทั้งนี้ ในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมร่วมกับผู้ผลิตและส่งออกสินค้ารายใหญ่ในประเทศ เพื่อรับฟังปัญหา และหามาตรการช่วยเหลือ รวมถึงกระตุ้นการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีให้เป็นไปตามเป้าหมาย
