รมช.พาณิชย์เผยภาวะการค้าต่างประเทศเดือนเมษายน 55 “ส่งออก” ติดลบ 3.67% โดยเป็นผลเกี่ยวเนื่องจากพิษน้ำท่วม การผลิตยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ส่งผลให้การส่งออกยังไม่เต็มกำลังการผลิต ประกอบกับตลาดหลักบางแห่งมีปัญหา สั่งทูตพาณิชย์ดันยอดส่งออกให้ได้ตามเป้า 15% ในปีนี้
นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวแถลงภาวะการค้าต่างประเทศในเดือนเมษายน 2555 โดยระบุว่าการส่งออกมีมูลค่า 16,919 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 3.67% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 19,787 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 7.87% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้าสูงถึง 2,867 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากการส่งออกในเดือนเมษายน 2555 ยังปรับตัวลดลงเป็นปัญหาต่อเนื่องมาจากน้ำท่วมปีก่อน ทำให้การผลิตยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ทำให้การส่งออกยังไม่เต็มกำลังการผลิต ประกอบกับตลาดหลักบางแห่งมีปัญหา
ขณะที่การส่งออกในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-เมษายน) มีมูลค่า 71,561 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดลบ 3.86% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 79,615 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 9.79% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ขาดดุลการค้า 8,054 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้การส่งออกในเดือนเมษายน 55 ขยายตัวลดลง เนื่องจากการส่งออกไปยังตลาดหลักขยายตัวลดลง ทั้งสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง ฮ่องกง ไต้หวัน เอเชียใต้ อินโดจีน และพม่า อีกทั้งเศรษฐกิจยุโรปเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างเป็นทางการ และความวิตกกังวลว่าปัญหาดังกล่าวจะลุกลามบานปลายไปยังพื้นที่อื่นๆ ประกอบกับมีช่วงวันหยุดยาวเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ของไทย และประเทศเพื่อนบ้าน
โดยสินค้าที่ส่งออกลดลงเกิดขึ้นกับทุกหมวด ทั้งสินค้าเกษตร สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรม โดยสินค้าเกษตรและสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรในภาพรวมปรับตัวลดลง 3.9% ได้แก่ ข้าว ยางพารา ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมในภาพรวมปรับตัวลดลง 6.9% ได้แก่ สิ่งทอ วัสดุก่อสร้าง อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งพิมพ์ และเฟอร์นิเจอร์
ส่วนสินค้านำเข้าที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นมาจากหมวดสินค้าประเภททุน 23.1% เครื่องจักรกล 44.04% ซึ่งเป็นการนำเข้ามาทดแทนเครื่องจักรเดิมที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ยานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่ง 59.8% ซึ่งเป็นการนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปจากบริษัทแม่เพื่อมาจำหน่ายในประเทศ
ขณะที่ภาวะการส่งออกไปยังตลาดหลักปรับตัวลดลง 6.8% ตลาดที่มีศักยภาพสูงปรับตัวสูงขึ้น 1.1% และตลาดที่มีศักยภาพรองปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย 0.4%
อย่างไรก็ตาม นายภูมิยังยืนยันเป้าหมายการส่งออกในปีนี้จะยังคงขยายตัวที่ระดับ 15% ตามเดิม โดยเชื่อว่าผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยของกรีซจะมีไม่มากนักเพราะมีสัดส่วนการส่งออกไม่ถึง 1% และสามารถส่งออกไปยังตลาดอื่นทดแทนได้ โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีหลังน่าจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้นหลังสินค้าหลายตัวกลับมาส่งออกได้ตามปกติ เช่น ไก่แช่แข็งส่งออกไปยังตลาดยุโรป
ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้กำชับให้ทูตพาณิชย์ดูแลการส่งออกไปยังตลาดเดิม โดยการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการเพื่อให้การส่งออกเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้