เอกชนชี้ผลเลือกตั้งกรีซแค่สัญญาณบวกที่ยังต้องรอลุ้นอิตาลีและสเปนรายต่อไป มองภาพรวมส่งออกไทยยังหืดจับโต 15% ไม่ง่ายต้องใช้พลังจากทุกส่วน จี้ ธปท.ลดดอกเบี้ยลงแรงกระตุ้นแรงซื้อในประเทศอีกทางรับมือ ควบคู่รัฐหาวิธีขยายตลาดส่งออกด่วน
นายสมมาต ขุนเศษฐ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ผลการเลือกตั้งกรีซที่พรรคร่วมรัฐบาลมีชัยเหนือฝ่ายซ้ายถือเป็นสัญญาณทางบวกต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน แต่ภาคการผลิตและส่งออกยังคงไม่สามารถนิ่งนอนใจได้จะต้องติดตามสถานการณ์ต่อไปเนื่องจากยังคงมีกรณีปัญหาของอิตาลีและสเปนรออยู่ความไม่แน่นอนยังสูง ดังนั้นรัฐบาลจะต้องขับเคลื่อนทีมงานเฉพาะกิจที่จะหามาตรการรับมือกับกรณีสหภาพยุโรป หรืออียูอย่างเร่งด่วนหากจะให้ส่งออกขยายตัว 15% ในปีนี้เพราะไม่ใช่เรื่องง่าย
ทั้งนี้ ด้านส่งออกรัฐต้องหนุนการหาตลาดใหม่ที่ดึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาทำงานให้ไปในทางเดียวกันที่จะต้องขยายตลาดไปยังอาเซียนและเอเชียเพิ่มขึ้นเพื่อหนีผลกระทบตลาดอียูและสหรัฐอเมริกา ขณะเดียวกัน จะต้องกระตุ้นตลาดในประเทศควบคู่เพื่อรองรับผลกระทบโดยเฉพาะต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายแบบยาแรง จากขณะนี้ที่คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 3% ซึ่งเห็นว่าควรจะเหลือไม่เกิน 1.5%
“คนไทยแรงซื้อต่ำมาก ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันที่ปรับขึ้นไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจแต่อย่างใด ตรงกันข้ามราคาสินค้าสูงขึ้นจนเกินรายรับที่ประชาชนได้ ขณะที่ธุรกิจขนาดกลางและย่อม หรือเอสเอ็มอีทยอยเจ๊งจากค่าแรงที่เพิ่ม ถ้าส่งออกได้รับผลกระทบอีกเศรษฐกิจไทยจะลำบาก จึงเห็นว่าการลดดอกเบี้ยจะทำให้คนไทยมีเงินในกระเป๋าเพิ่มได้เร็วสุด การรอเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจจากการลงทุนของรัฐบาลต้องใช้เวลา” นายสมมาตกล่าว
นายธนิต โสรัตน์ รองประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า ภาคส่งออกไทยยังจะต้องติดตามปัญหาหนี้ยุโรปใกล้ชิด เพราะแม้กรีซจะผ่านไปได้แต่ยังมีสองประเทศรอคิวอยู่ คือ อิตาลี และสเปน และสองประเทศมีหนี้มากทำให้ตลาดลงทุนเริ่มจับตาไปที่สองประเทศนี้แล้ว โดยภาวะส่งออกของไทยแม้จะไม่ได้พึ่งตลาดอียูเป็นหลักแต่ไทยจะได้รับผลกระทบทางอ้อม เพราะตลาดอาเซียน ญี่ปุ่น จีน อินเดีย สหรัฐอเมริกา เหล่านี้ล้วนแต่ส่งออกไปอียูในสัดส่วนที่สูงพอสมควร ไทยย่อมได้รับผลกระทบทางอ้อมแต่จะมากน้อยก็ต้องอยู่ที่การแก้ไขปัญหาของอียูเป็นสำคัญ
“กรีซเหมือนคนออกจากไอซียูรอดูอาการต่อไปแต่พ้นขีดอันตรายร้ายแรง แต่อิตาลีและสเปนรอเข้าไอซียู ยังไว้ใจไม่ได้ ซึ่งจะเห็นชัดว่าส่งออก 4 เดือนของเราลดลงทุกตลาด การจะรับมือคือจะต้องเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับธุรกิจ โดยรัฐบาลจะต้องทำงานเป็น ทำรวดเร็ว จะมาบอกให้ทำวิจัยและพัฒนา สร้างแบรนด์ สิ่งเหล่านี้เป็นระยะยาว
ระยะสั้นจะต้องเร่งหาตลาดใหม่ รัฐจะต้องนำจัดงานแสดงสินค้าหรืองานแฟร์ต่างๆ ในการเอื้อและหนุนเอกชนออกไปมากกว่าที่เป็นอยู่” นายธนิตกล่าว
อย่างไรก็ตาม ได้หารือกับธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออก หรือเอ็กซิมแบงก์ที่จะเข้ามาช่วยเหลือผู้ส่งออกในเรื่องของการรับประกันการนำเข้า-ส่งออก เพื่อป้องกันปัญหาการชักดาบของผู้นำเข้า ที่ล่าสุดผู้ส่งออกไทยบางรายเริ่มเจอปัญหาเมื่อส่งสินค้าไปยังอียูปรากฏว่าไม่ยอมจ่ายเงินส่วนที่เหลือ ซึ่งเห็นว่าเป็นมาตรการที่ดีในการป้องกันผลกระทบไว้