เอกชนยังหวั่นใจแผนบริหารจัดการน้ำภาครัฐ

เอกชนเริ่มกังวลถึงแผนบริหารจัดการน้ำภาครัฐแม้ระบุจะเป็น Single Command Center แต่ใครคือผู้เตือนภัยให้ประชาชน แนะรัฐบาลไม่ใช้การเมืองเข้าวุ่นเช่นอดีต เพื่อความมั่นใจเร่งก่อสร้างคันกั้นน้ำรอบนิคมฯ ให้เสร็จ ส.ค.นี้

นายวิเชียร สงวนทรัพยากร ผู้จัดการทั่วไปสวนอุตสาหกรรมโรจนะ เปิดเผยว่า ขณะนี้น้ำที่เริ่มท่วมในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยเอกชนเริ่มมีความกังวลเนื่องจากระบบเตือนภัยของรัฐบาลที่ระบุว่าจะเป็นศูนย์รวมที่เดียวหรือการปฏิบัติการศูนย์บัญชาการกลาง (Single Command Center) แต่ไม่ได้ชัดเจนว่าใครจะเป็นผู้เตือนภัยซึ่งต้องการให้ชัดเจนเพราะชาวบ้านในพื้นที่น้ำหลากจะได้รับทราบข้อมูลเพื่อที่จะได้เตรียมตัวทัน

“แผนบริหารจัดการภาพรวมของรัฐบาลก็น่าจะดีขึ้นเพราะเรามีประสบการณ์จากปีที่แล้ว แต่โรจนะเองก็ได้เร่งสร้างกำแพงกั้นน้ำรอบสวนอุตสาหกรรมเพื่อที่จะให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ส.ค.นี้เพื่อความมั่นใจยิ่งขึ้น” นายวิเชียรกล่าว

ทั้งนี้ แผนก่อสร้างคันกั้นน้ำถาวรของโรจนะจะมีระยะทางทั้งสิ้น 77 กิโลเมตร เงินลงทุนประมาณ 1,400 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันแผนการก่อสร้างได้ดำเนินการแล้ว 34 กิโลเมตรหรือคิดเป็น 46% ซึ่งยอมรับว่าช้ากว่าเป้าหมายไป 5-10% เนื่องจากที่ผ่านมาทีมงานซึ่งตามแผนจะต้องมีทั้งสิ้น 40 ทีม และก่อนหน้ามีเพียง 29 ทีม ประกอบกับช่วงนี้เกิดภาวะฝนตกจึงทำได้ไม่เต็มที่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีทีมงานครบตามแผนแล้วก็จะได้เร่งก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามกำหนดซึ่งการก่อสร้างจะทำงานตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับแผนการก่อสร้างโรจนะได้ลงทุนไปแล้วประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งกำลังรอเงินกู้ 2 ใน 3 ที่รัฐบาลจะสนับสนุน โดยได้มีการจัดส่งเอกสารไปยังกระทรวงอุตสาหกรรมเสร็จแล้ว โดยคาดว่าจะได้รับเงินสนับสนุนโดยทยอยจ่ายตามงวดงานตามที่รัฐบาลระบุไว้ที่จะไม่เกินภายในสิ้นเดือน มิ.ย.นี้

นายคาซูนาริ ฟูวา กรรมการผู้จัดการบริษัท คูโรดะ อิเล็คทริก จำกัด (KURODA ELECTRIC) กล่าวว่า แผนบริหารจัดการน้ำสิ่งสำคัญที่เอกชนต้องการเห็นคือความร่วมมือกันทุกฝ่ายที่มีเอกภาพ ไม่ต้องการเห็นการเมืองเข้ามาก้าวก่ายมากเกินไปเช่นที่ผ่านมา โดยแผนบริหารจัดการของรัฐรวมกับแผนสวนอุตสาหกรรมโรจนะซึ่งบริษัทตั้งโรงงานอยู่ก็มั่นใจว่าน้ำจะไม่ท่วมอีก

“เราผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ หรือ HDD ที่ผ่านมาถูกน้ำท่วมก็ได้หารือกับบริษัทแม่ก็ยังจำเป็นจะต้องทำธุรกิจต่อไป และก็มั่นใจว่าจะไม่เกิดน้ำท่วมอีก เราจึงมีการขยายกิจการผลิตเพิ่มในส่วนของแม่พิมพ์อุตสาหกรรมรถยนต์ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงาน ซึ่งเรามองว่าอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ของไทยจะเป็นอุตสาหกรรมหลักที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง” นายคาซูนาริกล่าว