“ที.กรุงไทยอุตสาหกรรม” ปรับเป้ารายได้ปี 55โตไม่ต่ำกว่า 35% จากเดิมคาดโต15-20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,270 ล้านบาท เหตุคาดยอดผลิตรถยนต์ปีนี้ 2 ล้านคันทำนิวไฮ ส่งผลบริษัทได้ออเดอร์ผลิตชิ้นส่วนมากขึ้น มั่นใจปีนี้พลิกมีกำไร จากปีก่อนขาดทุน 14 ล้านบาท จากไตรมาส 1/55 กำไรแล้ว 27 ล้านบาท แผนลดต้นทุน 50 ล้านบาท
นายจุมพล เตชะไกรศรี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.กรุงไทยอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TKT ผู้ผลิตชิ้นส่วนพลาสติกของรถยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการปรับเป้ารายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 35% อยู่ที่ 1,700 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะโต 15-20% จากปี 2554 ที่มีรายได้รวม 1,270 ล้านบาท เนื่องจาก ประเมินว่ายอดการผลิตรถยนต์ปีนี้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ)ที่ 2 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 37% จากปีก่อนที่มียอดการผลิตรถยนต์ที่ 1.45 ล้านคัน
ทั้งนี้ จะส่งผลดีต่อบริษัทมีงานมากขึ้นโดยในไตรมาส 1/55 มียอดการผลิตรถยนต์ที่ 4.99 ล้านคัน ซึ่งเป็นยอดการผลิตของโตโยต้า ซึ่งฮอนด้ายังไม่ได้เริ่มผลิต ทำให้ยอดผลิตรถยนต์ปีนี้มีจะอยู่ที่ 2 ล้านคันแน่นอน โดยปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ มูลค่า 100 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 70-80% ที่เหลือรับรู้ในปีหน้า โดยในไตรมาส 2/55 จะรับรู้รายได้ประมาณ 10 ล้านบาท แต่บริษัทยังมีงานใหม่ๆ เพิ่มขึ้น
สำหรับปีนี้บริษัทคาดจะพลิกมีกำไร จากปีก่อนที่มีผลขาดทุน 14 ล้านบาท เนื่องจาก ไตรมาส1/55 บริษัทมีกำไรสุทธิ 27.9 ล้านบาท มียอดขาย 445 ล้านบาท ซึ่งเป็นไตรมาสที่มียอดขายสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา จากที่อุตสาหกรรมรถยนต์มีการเติบโตหลังจากน้ำท่วมทำให้ต้องเร่งผลิตสินค้าที่มีคำสั่งซื้อค้างไว้ โดยกำไรสุทธิในไตรมาส 2/55 คาดว่าจะต่ำกว่าไตรมาส1/55 เพราะเป็นช่วงโลว์ซีซันของบริษัท และในอุตสาหกรรม จากที่มีวันหยุดหลายวันแต่ก็ยังมีกำไรสุทธิยู่ ขณะที่ไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้ เชื่อว่าหากไม่มีปัจจัยลบเข้ามากระทบเชื่อว่าจะมีกำไรต่อเนื่อง จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะลดต้นทุนในปีนี้จำนวน 50 ล้านบาท โดยไตรมาส 1/55 บริษัทได้มีการลดต้นทุนได้ประมาณ 15-20 ล้านบาท โดยจากค่าแรง 300 บาท ที่เพิ่มขึ้นนั้นจะส่งผลกระทบทำให้บริษัทมีต้นทุนเพิ่มขึ้น 18-20 ล้านบาท ปีนี้ แต่บริษัทก็จะไม่ได้รับผลกระทบดังกล่าวจากที่บริษัทมีการลดต้นทุน ทำให้ชดเชยผลกระทบดังกล่าวได้ในปีนี้
นายจุมพล กล่าวว่า บริษัทมีแผนใช้เงินลงทุนปีนี้ประมาณ 70-80 ล้านบาท แบ่งเป็น 20 ล้านบาท ใช้ในการพัฒนากระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนของเสียให้น้อยลง และ อีก 20-30 ล้านบาท ใช้ในการซื้อเครื่องจักรใหม่ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับกับยอดขายผลิตรถยนต์ปีนี้จะเติบโต 37% ปีนี้ และบริษัทคาดว่าไตรมาส 3/55 บริษัทจะสรุปในเรื่องแผนการขยายกำลังการผลิตของบริษัท เพื่อรองรับคำสั่งซื้อสินค้าในอีก 3 ปีข้างหน้า ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรบ้าง
นายจุมพล เตชะไกรศรี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.กรุงไทยอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TKT ผู้ผลิตชิ้นส่วนพลาสติกของรถยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการปรับเป้ารายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 35% อยู่ที่ 1,700 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะโต 15-20% จากปี 2554 ที่มีรายได้รวม 1,270 ล้านบาท เนื่องจาก ประเมินว่ายอดการผลิตรถยนต์ปีนี้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ)ที่ 2 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 37% จากปีก่อนที่มียอดการผลิตรถยนต์ที่ 1.45 ล้านคัน
ทั้งนี้ จะส่งผลดีต่อบริษัทมีงานมากขึ้นโดยในไตรมาส 1/55 มียอดการผลิตรถยนต์ที่ 4.99 ล้านคัน ซึ่งเป็นยอดการผลิตของโตโยต้า ซึ่งฮอนด้ายังไม่ได้เริ่มผลิต ทำให้ยอดผลิตรถยนต์ปีนี้มีจะอยู่ที่ 2 ล้านคันแน่นอน โดยปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ มูลค่า 100 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 70-80% ที่เหลือรับรู้ในปีหน้า โดยในไตรมาส 2/55 จะรับรู้รายได้ประมาณ 10 ล้านบาท แต่บริษัทยังมีงานใหม่ๆ เพิ่มขึ้น
สำหรับปีนี้บริษัทคาดจะพลิกมีกำไร จากปีก่อนที่มีผลขาดทุน 14 ล้านบาท เนื่องจาก ไตรมาส1/55 บริษัทมีกำไรสุทธิ 27.9 ล้านบาท มียอดขาย 445 ล้านบาท ซึ่งเป็นไตรมาสที่มียอดขายสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา จากที่อุตสาหกรรมรถยนต์มีการเติบโตหลังจากน้ำท่วมทำให้ต้องเร่งผลิตสินค้าที่มีคำสั่งซื้อค้างไว้ โดยกำไรสุทธิในไตรมาส 2/55 คาดว่าจะต่ำกว่าไตรมาส1/55 เพราะเป็นช่วงโลว์ซีซันของบริษัท และในอุตสาหกรรม จากที่มีวันหยุดหลายวันแต่ก็ยังมีกำไรสุทธิยู่ ขณะที่ไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้ เชื่อว่าหากไม่มีปัจจัยลบเข้ามากระทบเชื่อว่าจะมีกำไรต่อเนื่อง จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะลดต้นทุนในปีนี้จำนวน 50 ล้านบาท โดยไตรมาส 1/55 บริษัทได้มีการลดต้นทุนได้ประมาณ 15-20 ล้านบาท โดยจากค่าแรง 300 บาท ที่เพิ่มขึ้นนั้นจะส่งผลกระทบทำให้บริษัทมีต้นทุนเพิ่มขึ้น 18-20 ล้านบาท ปีนี้ แต่บริษัทก็จะไม่ได้รับผลกระทบดังกล่าวจากที่บริษัทมีการลดต้นทุน ทำให้ชดเชยผลกระทบดังกล่าวได้ในปีนี้
นายจุมพล กล่าวว่า บริษัทมีแผนใช้เงินลงทุนปีนี้ประมาณ 70-80 ล้านบาท แบ่งเป็น 20 ล้านบาท ใช้ในการพัฒนากระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนของเสียให้น้อยลง และ อีก 20-30 ล้านบาท ใช้ในการซื้อเครื่องจักรใหม่ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับกับยอดขายผลิตรถยนต์ปีนี้จะเติบโต 37% ปีนี้ และบริษัทคาดว่าไตรมาส 3/55 บริษัทจะสรุปในเรื่องแผนการขยายกำลังการผลิตของบริษัท เพื่อรองรับคำสั่งซื้อสินค้าในอีก 3 ปีข้างหน้า ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรบ้าง