“บุญทรง” หารือผู้ส่งออก 24 กลุ่มหาทางเพิ่มยอดส่งออก รับปากนำปัญหาทั้งหมดเสนอนายกฯ พิจารณา หวังผลักดันเป้า 15% เผยกลุ่มยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ฟื้นแน่ ด้านเอกชนห่วงเป้า 15% ทำได้ยาก ห่วงผลกระทบยุโรปลาม
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับ 24 กลุ่มสินค้า เพื่อหามาตรการผลักดันการส่งออกในปี 2555 เพื่อให้ขยายตัวได้ตามเป้า 15% ว่า ผู้ประกอบการได้แจ้งปัญหาต่างๆ เพื่อขอให้รัฐบาลช่วยแก้ไข เช่น ต้นทุนดอกเบี้ย ค่าเงินบาท ขอให้หาตลาดใหม่ แก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานฝีมือ ลดขั้นตอนการส่งออก เช่น เปิดท่าเรือ 24 ชั่วโมง และนำระบบไอทีมาใช้ในการอำนวยความสะดวกการส่งออก
ทั้งนี้ แนวทางในการแก้ไขปัญหาจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มแก้ไขได้ทันที และหากเป็นอำนาจของ รมว.พาณิชย์ ข้าราชการและหน่วยงานในสังกัดก็จะดำเนินการให้ทันที กลุ่มที่ต้องปรับกฎระเบียบเงื่อนไขการส่งออก และเกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่น จะดำเนินการในระยะต่อไป และกลุ่มที่ต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการ เช่น การจัดตั้งศูนย์พัฒนาสินค้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการระยะยาว
โดยปัญหาและแนวทางแก้ไขทั้งหมดนี้จะนำเสนอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พิจารณาในวันที่ 11 มิถุนายนนี้
สำหรับแผนการผลักดันการส่งออก จะเร่งเพิ่มการจัดคณะผู้แทนการค้าเดินทางไปเจรจาเปิดตลาดสินค้าโดยใช้งบประมาณที่มีอยู่ไปก่อน แต่หากพบว่ามีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติม ก็จะเสนอรัฐบาลเพื่อขออนุมัติงบประมาณในการผลักดันการส่งออกต่อไป
นายบุญทรงกล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ผู้ส่งออกหลายอุตสาหกรรมได้ยืนยันว่าจะผลักดันการส่งออกของกลุ่มตนเองให้ได้ตามเป้าหมาย เช่น กลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน ที่ระบุว่าจะสามารถส่งออกรถตามแผนปีนี้ได้ 1 ล้านคัน หรือเพิ่ม 36% ขณะที่กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าก็ยืนยันว่าจะส่งออกได้เพิ่มขึ้น หลังจากที่ได้ฟื้นตัวจากปัญหาอุทกภัยแล้ว รวมทั้งกลุ่มอาหาร ที่มีศักยภาพสูง
รายงานข่าวจากการกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า นายบุญทรงได้เป็นประธานประชุมสถานการณ์ปัญหา อุปสรรค และมาตรการช่วยเหลือธุรกิจส่งออก ร่วมกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรม 24 กลุ่ม และผู้แทนการค้าไทย ซึ่งในที่ประชุมมีนายโอฬาร ไชยประวัติ ประธานผู้แทนการค้าไทยและที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย โดยนายโอฬารกล่าวว่า ได้เข้ามาช่วยการดูแลแก้ปัญหาส่งออก เพราะนายกฯ แสดงความเป็นห่วงหลังจากช่วง 4 เดือนแรกยอดการส่งออกติดลบถึง 3.86% และต้องการให้กลับมาเป็นบวกโดยเร็วที่สุด
นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องคิดหนักว่าการส่งออกจะทำได้ตามเป้าหมายหรือไม่ เพราะนอกจากผลกระทบโดยตรงจากตลาดสหภาพยุโรปที่มีสัดส่วน 9-10% สิ่งที่น่าห่วงก็คือ ผลกระทบทางอ้อมต่อประเทศที่พึ่งพาการส่งออกไปยุโรป เช่น จีน อินเดีย อาเซียน รัสเซียที่ได้รับผลกระทบตามไปด้วย ซึ่งต่อไปจะทำให้ไทยส่งออกไปประเทศเหล่านี้ได้ลำบาก เพราะประเทศเหล่านี้ส่วนใหญ่มีการนำเข้าสินค้ากึ่งวัตถุดิบจากไทยค่อนข้างมาก
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หลังจากนี้การส่งออกน่าจะเติบโตได้ดีขึ้น เพราะขณะนี้หลายอุตสาหกรรมเริ่มฟื้นแล้ว เช่น รถยนต์ คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ แต่สิ่งที่กังวลและต้องการให้ภาครัฐช่วยดูแลมาก คือ อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าจนเกินไปเมื่อเทียบกับคู่แข่งภูมิภาค
นายไพบูลย์ พลสุวรรณา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การส่งออก 15% โอกาสคงทำได้ยาก เพราะตอนนี้แต่ละประเทศก็กำลังดิ้นรนในการแข่งขันส่งออกเช่นกัน
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับ 24 กลุ่มสินค้า เพื่อหามาตรการผลักดันการส่งออกในปี 2555 เพื่อให้ขยายตัวได้ตามเป้า 15% ว่า ผู้ประกอบการได้แจ้งปัญหาต่างๆ เพื่อขอให้รัฐบาลช่วยแก้ไข เช่น ต้นทุนดอกเบี้ย ค่าเงินบาท ขอให้หาตลาดใหม่ แก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานฝีมือ ลดขั้นตอนการส่งออก เช่น เปิดท่าเรือ 24 ชั่วโมง และนำระบบไอทีมาใช้ในการอำนวยความสะดวกการส่งออก
ทั้งนี้ แนวทางในการแก้ไขปัญหาจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มแก้ไขได้ทันที และหากเป็นอำนาจของ รมว.พาณิชย์ ข้าราชการและหน่วยงานในสังกัดก็จะดำเนินการให้ทันที กลุ่มที่ต้องปรับกฎระเบียบเงื่อนไขการส่งออก และเกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่น จะดำเนินการในระยะต่อไป และกลุ่มที่ต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการ เช่น การจัดตั้งศูนย์พัฒนาสินค้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการระยะยาว
โดยปัญหาและแนวทางแก้ไขทั้งหมดนี้จะนำเสนอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พิจารณาในวันที่ 11 มิถุนายนนี้
สำหรับแผนการผลักดันการส่งออก จะเร่งเพิ่มการจัดคณะผู้แทนการค้าเดินทางไปเจรจาเปิดตลาดสินค้าโดยใช้งบประมาณที่มีอยู่ไปก่อน แต่หากพบว่ามีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติม ก็จะเสนอรัฐบาลเพื่อขออนุมัติงบประมาณในการผลักดันการส่งออกต่อไป
นายบุญทรงกล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ผู้ส่งออกหลายอุตสาหกรรมได้ยืนยันว่าจะผลักดันการส่งออกของกลุ่มตนเองให้ได้ตามเป้าหมาย เช่น กลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน ที่ระบุว่าจะสามารถส่งออกรถตามแผนปีนี้ได้ 1 ล้านคัน หรือเพิ่ม 36% ขณะที่กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าก็ยืนยันว่าจะส่งออกได้เพิ่มขึ้น หลังจากที่ได้ฟื้นตัวจากปัญหาอุทกภัยแล้ว รวมทั้งกลุ่มอาหาร ที่มีศักยภาพสูง
รายงานข่าวจากการกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า นายบุญทรงได้เป็นประธานประชุมสถานการณ์ปัญหา อุปสรรค และมาตรการช่วยเหลือธุรกิจส่งออก ร่วมกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรม 24 กลุ่ม และผู้แทนการค้าไทย ซึ่งในที่ประชุมมีนายโอฬาร ไชยประวัติ ประธานผู้แทนการค้าไทยและที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย โดยนายโอฬารกล่าวว่า ได้เข้ามาช่วยการดูแลแก้ปัญหาส่งออก เพราะนายกฯ แสดงความเป็นห่วงหลังจากช่วง 4 เดือนแรกยอดการส่งออกติดลบถึง 3.86% และต้องการให้กลับมาเป็นบวกโดยเร็วที่สุด
นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องคิดหนักว่าการส่งออกจะทำได้ตามเป้าหมายหรือไม่ เพราะนอกจากผลกระทบโดยตรงจากตลาดสหภาพยุโรปที่มีสัดส่วน 9-10% สิ่งที่น่าห่วงก็คือ ผลกระทบทางอ้อมต่อประเทศที่พึ่งพาการส่งออกไปยุโรป เช่น จีน อินเดีย อาเซียน รัสเซียที่ได้รับผลกระทบตามไปด้วย ซึ่งต่อไปจะทำให้ไทยส่งออกไปประเทศเหล่านี้ได้ลำบาก เพราะประเทศเหล่านี้ส่วนใหญ่มีการนำเข้าสินค้ากึ่งวัตถุดิบจากไทยค่อนข้างมาก
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หลังจากนี้การส่งออกน่าจะเติบโตได้ดีขึ้น เพราะขณะนี้หลายอุตสาหกรรมเริ่มฟื้นแล้ว เช่น รถยนต์ คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ แต่สิ่งที่กังวลและต้องการให้ภาครัฐช่วยดูแลมาก คือ อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าจนเกินไปเมื่อเทียบกับคู่แข่งภูมิภาค
นายไพบูลย์ พลสุวรรณา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การส่งออก 15% โอกาสคงทำได้ยาก เพราะตอนนี้แต่ละประเทศก็กำลังดิ้นรนในการแข่งขันส่งออกเช่นกัน