บริษัทเดอะคูล กรุ๊ป และบริษัทในเครือได้จัดพิธีเปิดสำหนักงานใหญ่ ณ อาคารสำหนักงานใหญ่ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ โดยมี “นายประพัฒน์ วนาพิทักษ์” รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธาน
ประชา ประคุณศึกษาพันธ์ ประธานกรรมการบริษัทเดอะ คูล กรุ๊ป จำกัด และบริษัทในเครือ ผู้ผลิตตู้แช่ยูเทกติก ตู้แช่แข็ง ตู้แช่เย็น กล่าวถึงการเปิดสำนักงานใหญ่ครั้งนี้ว่า เป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการขยายตลาดในอนาคต โดยบริษัทมีแผนจะขยายตลาดพุ่งเป่าไปที่กลุ่มประเทศอาเซียน อาทิ เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และปากีสถาน เพราะขณะนี้เศรษฐกิจอเมริกากับยุโรปกำลังตกต่ำ ตลาดเอเชียจึงเป็นตลาดที่มีศักยภาในการลงทุนมากที่สุด
พร้อมทั้งมองว่าตลาดเอเชียตอนนี้เป็นตลาดที่มีคุณภาพ อย่างอเมริกาตอนนี้ก็มีเหตุการณ์เศรษฐกิจย่ำแย่ส่งผลพระทบต่อทั่วโลก แล้วยุโรปก็โดนผลกระทบตามมา จึงเห็นว่าตลาดเอเชียมีศักยภาพในการเติบโต มีพี่ใหญ่อย่างจีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย และอีก 3 ปีข้างหน้าจีนจะเปิดการค้าเสรีมีการโยกย้ายแรงงาน ถ่ายโอนทางธุรกิจต่างๆ ง่ายขึ้น เราก็เลยสร้างบริษัทที่ประเทศมาเลเซียที่แรก อินโดนีเซียประเทศที่สอง เวียดนามและฟิลิปปินส์ ถ้านับประชากรแล้ว 70เปอร์เซ็นต์ก็ของอาเซียนหมด
“การรุกตลาดอาเซียนไม่ได้ทำการขายหรือการตลาดอย่างเดียว เพราะเราทำด้านการบริการด้วย อย่างผมทำสินค้าแล้วลูกค้ามีปัญหาอะไร ผมมีหน่วยงานไปซ่อมให้ถึงที่ อย่างที่กรุงเทพและปริมณฑล 5 จังหวัดผมรับประกันการให้บริการ ไม่เกิน 4 ชั่วโมงต้องถึงที่ ถ้าไม่ถึงสินค้าคุณละลายคุณเสียหายผมจ่าย เราเป็นไลน์เดียวในโลกก็ว่าได้ที่กล้ารับประกัน นี่คือจุดแข็งของทางเราด้วย เรากล้าพูดครับว่าเราเป็นหนึ่งในประเทศแล้ว และก็กล้าที่จะไปสู้กับตลาดต่างประเทศโดยชูจุดแข็งด้านการบริการ”
“อย่างที่ไทยผมมีบริษัทคูลเซอร์วิส เราจะมีเครือข่ายทั่วประเทศไทยเพื่อดูแลบริการลูกค้า ซึ่งรับบริการซ่อมสินค้าทุกอย่างอาทิ แอร์ ตู้เย็น ตู้แช่ฯลฯ ลูกค้าใหญ่ๆ ของเราก็มีเยอะ อย่างบิ๊กซี โลตัส คาร์ฟู แม็คโคร เราก็นำเทคนิคการให้บริการจากเมืองไทยตรงนี้เอาไปใช้เมืองนอกด้วยไม่ว่าจะเป็นเมืองจากาต้า บันดุง ปีนัง กัวลาลัมเปอร์ ฮานอย และก็กำลังจะขยายตัวออกไป ส่วนบริษัทที่ขยายไปต่างประเทศนั้นเบื้องต้นพนักงานในระดับบริหารจะเป็นคนไทย และก็มีคนท้องถิ่นมาทำด้านการขายและบริการ”
“เรื่องการลงทุนอย่างเวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียประมาณ 5 แสนดอลล่าห์ หรือประมาณ 15 ล้านบาทไทย แต่ที่มาเลเซีย10ล้านบาท คือแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน การจดทะเบียนขั้นตอนต่างๆ การจะออกไปต่างประเทศต้องรู้จักคนต้องมีพาร์ทเนอร์สัดส่วนการตัดจำหน่าย แต่ก่อนประเทศไทยยอดจำหน่ายสูงกว่าประมาณ 70-30 แต่ตอนนี้มันสลับกันแล้ว เพราะตลาดต่างประเทศใหญ่กว่า การตอบรับเริ่มแทรงหน้าบ้านเรา บ้านเราเริ่มอยู่ตัว ส่วนอนาคตก็จะเล็งขยายไปประเทศเกาหลีเราเพิ่งเซ็นสัญญาไป และประเทศต่อมาคือปากีสถานผมก็ทำเป็นบริษัทเล็กๆ ครับเพราะเพิ่งเริ่มต้น เป้าหมายการเติบโตตอนนี้ผมมองไปที่ต่างประเทศมากกว่าเติบโตในไทยมากกว่า ด้วยเหตุผลที่ตลาดต่างประเทศเริ่มขยายตัวสูงขึ้น”