xs
xsm
sm
md
lg

“ภูมิ” เซ็นข้อตกลงร่วมมือขยายการค้ากับอิสราเอล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ภูมิ” นำทีมกระทรวงพาณิชย์ลงนามความตกลงขยายความร่วมมือทางการค้ากับอิสราเอล และกระชับความสัมพันธ์กับภาคเอกชนตุรกี

นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตนเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยลงนามความตกลงทางการค้าระหว่างไทยกับอิสราเอล ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล และเดินทางเยือนนครอิสตัลบูล ประเทศตุรกี เพื่อกระชับความสัมพันธ์และขยายโอกาสทางการค้าของไทย ระหว่างวันที่ 1-6 พฤษภาคม 2555

ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบร่างความตกลงการค้าระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลอิสราเอลเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2554 โดยความตกลงดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกัน และการอำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆ เช่น การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่แต่ละประเทศจัดขึ้น การแก้ไขปัญหาหารือลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน ตลอดจนให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee) เพื่อติดตามและทบทวนการปฏิบัติตามข้อตกลง และหารือถึงโอกาสและแนวทางในการขยายความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกันที่ดีอยู่แล้วให้ดีและมีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น โดยไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งที่ 1 ซึ่งคาดว่าจะสามารถจัดการประชุมได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ พร้อมกันนี้ ได้มีการหารือถึงความร่วมมือในด้านเทคโนโลยีสาขาอัญมณี การเกษตร การบริหารจัดการน้ำ และการดูแลแรงงานไทย ซึ่งอิสราเอลพร้อมให้ความร่วมมือกับไทย

นายภูมิกล่าวอีกว่า ในการเดินทางครั้งนี้ได้เยือนประเทศตุรกีด้วยเพื่อแสวงหาแนวทางในการขยายการค้าและการลงทุนของไทยในตุรกี รวมทั้งกระชับความสัมพันธ์กับภาคธุรกิจของตุรกี โดยได้หารือร่วมกับสภาหอการค้าอิสตัลบูล หอการค้าตุรกี–ไทย และกลุ่มผู้นำเข้ารายใหญ่ ซึ่งนักธุรกิจตุรกีได้แสดงความสนใจต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยได้เชิญชวนให้นักธุรกิจของตุรกีมาเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในไทยเพื่อกระชับความสัมพันธ์สองฝ่ายให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ สภาหอการค้าฯ แจ้งว่าพร้อมให้ความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลของไทยในนิตยสารของสภาหอการค้าฯ ซึ่งมีผู้ประกอบการตุรกีเป็นสมาชิกมากกว่า 50,000 ราย

ในปี 2554 อิสราเอลเป็นคู่ค้าอันดับที่ 40 ของไทยในตลาดโลก และเป็นคู่ค้าอันดับที่ 7 ของไทยในภูมิภาคตะวันออกกลาง มีมูลค่า 1,390.68 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการส่งออก 736.75 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้า 653.94 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้า 82.81 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับตุรกีเป็นคู่ค้าอันดับที่ 38 ของไทยในตลาดโลกและเป็นคู่ค้าอันดับที่ 6 ของไทยในภูมิภาคตะวันออกกลาง มีมูลค่า 1,439.03 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออก 1,249.87 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้า 189.17 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้า 1,060.70 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ อิสราเอล และตุรกีนับได้ว่าเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทยในภูมิภาคตะวันออกกลาง สินค้าสำคัญที่ไทยส่งออกไปยังอิสราเอล ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ เม็ดพลาสติก ข้าว เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ตู้เย็น ตู้แช่แข็งและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลไม้กระป๋องและผลไม้แปรรูป

ส่วนตุรกีนั้นเป็นตลาดสำคัญสำหรับเม็ดพลาสติก ยางพารา รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เส้นใยประดิษฐ์ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ด้ายและเส้นใยประดิษฐ์ เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น