xs
xsm
sm
md
lg

“ข่าวข้นคนข่าว” หลุดผัง “อสมท” บอร์ดฯ อ้างดึงเวลาทำเอง เนชั่นฯ อัดไร้ธรรมาภิบาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“บอร์ด อสมท” ปิดทางค่ายเนชั่น ตัดทิ้งรายการข่าวดังหลุดผังปี 55 อ้างต้องการผลิตเองมากขึ้น ลั่นไม่มีการเมืองบีบ ด้านผู้บริหาร NBC ขอความเป็นธรรมหลัง “ข่าวข้นคนข่าว” และรายการ “เช้าข่าวข้น” ถูกถอดออกจากผังรายการของช่อง 9 ทั้งหมดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ตั้งคำถามทำไมบอร์ด อสมท.ตัดสินใจฝ่ายเดียวผิดหลักธรรมาภิบาล

ในที่สุดผังรายการใหม่ประจำปี 2555 ของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ก็ไม่มีรายการประเภทข่าวดังอย่าง “ข่าวข้นคนข่าว” และรายการ “เช้าข่าวข้น” ของบริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือค่ายเนชั่นแล้ว หลังจากที่มีกระแสข่าวร่ำลือกันมานานว่ารายการข่าวของเนชั่นฯ จะหลุดจากผังรายการ อสมท ตั้งแต่ที่พรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาล

ทั้งนี้ ผังรายการใหม่ของ อสมท จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมศกนี้ ขณะที่มีการปรับเปลี่ยนผู้จัดรายการไม่มากนัก โดยเฉพาะรายใหญ่ๆ อยู่กันแทบครบหน้า และที่มาใหม่แต่ฮืฮฮาไม่น้อยก็เช่น รายการมาตามนัดรีเทิร์น วันจันทร์-อังคาร เวลา 18.15-19.00 น.

นายเปรมกมลย์ ทินกร ณ อยุธยา ประธานบอร์ด บมจ.อสมท ปฏิเสธว่าสาเหตุที่รายการข่าวของค่ายเนชั่นไม่อยู่ในผังรายการใหม่ไม่มีการเมืองบีบแต่อย่างใด ถ้าเป็นการเมืองเข้ามาแทรกเราคงถอดรายการของเนชั่นไปตั้งนานแล้ว เพราะในสัญญาระบุไว้ว่า อสมท สามารถถอดทุกรายการได้ก่อนที่สัญญาจะหมด

การปรับผังรายการเป็นไปตามมติของคณะกรรมการฯ ที่ อสมท ต้องผลิตรายการเองมากขึ้น โดยเฉพาะรายการข่าว อสมท จะต้องผลิตเอง 100% แต่โดยรวมแล้วผังรายการยังเน้นสังคมอุดมปัญญา ซึ่งจริงๆ แล้วปรับเปลี่ยนไม่มาก

“รายการประเภทข่าวที่เน้นทำเองทั้งหมดเรามีความพร้อมทั้งอุปกรณ์ บุคลากร ส่วนผู้อ่านข่าวหรือผู้ดำเนินรายการนั้นต้องดูอีกครั้งว่าจะเอาคนในหรือคนนอกมาเป็นผู้นำเสนอ”

ผังใหม่ อสมท ในส่วนของข่าว ในช่วงเช้านั้นเริ่มรายการ คุยโขมงยามเช้า ตั้งแต่ 05.30-07.30 น. จันทร์ถึงศุกร์ แล้วก็มีรายการเกาะข่าว 9 ทุกต้นชั่วโมง บางช่วง รายการข่าวเที่ยง และยังมีรายการ คุยโขมงบ่าย 3 โมง เวลา 15.00-16.00 น. จันทร์ถึงศุกร์ ข่าวค่ำ เวลา 19.00-20.00 น. จันทร์ถึงอาทิตย์ และช่วงสำคัญไพรม์ไทม์ เวลา 21.30-22.30 น. จะเป็นวิเคราะห์ข่าวโดยสำนักข่าวไทย ซึ่งถึงเวลาแล้วที่สำนักข่าวไทยจะดึงเวลาจากเนชั่นกลับมาทำเอง

การปรับผังรายการครั้งนี้เป็นการปรับผังครั้งแรกในรอบ 7 ปีที่ อสมท ได้นำเอาหลักวิชาการ ข้อมูลทางการตลาด การขาย รายได้ สัดส่วนผู้ชม และข้อมูลด้านเรตติ้งจากเอซี นีลเส็น มาศึกษาและวิเคราะห์การจัดผังรายการแบบลึกมากขึ้น

นายเขมทัตต์ พลเดช รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่การตลาดและการขาย กล่าวว่า ผังรายการใหม่จะมีความต่อเนื่องของรายการมากขึ้น โดยการตัดรายการย่อยๆ ออกไป รวมไปถึงเป็นไปตามนโยบายของ อสมท ที่ต้องผลิตรายการเองมากกว่า 51% ของเวลาทั้งหมด โดยจากผังเดิม อสมท ผลิตเอง 42% ส่วนผังใหม่เพิ่มเป็น 56% ขณะที่ระบบไทม์แชริ่งจากเดิม 58% ลดลงเหลือ 44% เท่านั้น แต่หากคิดเป็นรายการประเภทข่าวอย่างเดียวจะมีสัดส่วนเวลา 20% จากเวลาทั้งหมด ซึ่งโดยรวมแล้วจะทำให้พื้นที่การขายของ อสมท เพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 5-8%

สำหรับรายการข่าวข้นคนข่าว ที่จากนี้จะไม่มีในผังรายการ อสมท อีกแล้ว พบว่ารายการนี้ทำรายได้ให้ อสมท มากถึง 200 ล้านบาทต่อปี หรือประมาณ 70% จากรายได้ทั้งหมดของรายการนี้

นางกมลาสิริ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายโทรทัศน์ กล่าวว่า การที่ อสมท นำเวลากลับมาผลิตเองนั้นส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากนโยบายของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ “กสทช” ที่กำหนดไว้ว่า ไม่ว่าจะเป็นรายการทางทีวี รายการทางวิทยุ จะต้องผลิตเองตามสัดส่วนที่กำหนดไว้ ไม่เช่นนั้นก็จะถูกยึดคลื่นคืนไปหมด จึงต้องผลิตรายกาข่าวเองมากขึ้น ผังรายการส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้จัดรายเดิมรายใหญ่มากกว่า 90% ที่ได้รับการต่อสัญญาอีกถึงสิ้นปีนี้ ขณะที่มีเพียง 10% เท่าน้นที่เป็นผู้จัดรายเล็กและรายการไม่ค่อยได้รับความนิยม เรตติ้งไม่ค่อยดี ถูกปรับออกหลังหมดสัญญาเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งผู้จัดทุกรายสัญญาจะเริ่มทยอยหมดตั้งแต่วันที่ 23-30 มิถุนายนนี้

*** เนชั่นฯ เดือดทวงความเป็นธรรม

นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังทราบว่าบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยบอร์ด อสมท ไม่ต่อ “สัญญาร่วมผลิตรายการ” ระหว่าง NBC กับ อสมท ในรายการ “ข่าวข้นคนข่าว” และรายการ “เช้าข่าวข้น” ที่จะหมดลงในวันที่ 30 มิถุนายนว่าเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ เพราะหากพิจารณาตามแนวทางการดำเนินงานทางธุรกิจโดยทั่วไปของบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่จะต้องคำนึงถึงผลประกอบการที่ดี เพื่อผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและพนักงานแล้วค่อนข้างผิดธรรมเนียมปฏิบัติที่ดีในการดำเนินงานร่วมกัน

“การบอกเลิกข้อตกลงร่วมผลิตรายการแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยไม่มีการปรึกษาหารือกับอีกฝ่ายที่เป็นคู่สัญญากันย่อมถือว่าผิดหลักปฏิบัติทางธุรกิจและธรรมาภิบาลที่ดี เพราะผู้ถือหุ้นและพนักงานของทั้งสองบริษัทไม่ได้รับการชี้แจงอธิบายถึงสาเหตุการบอกเลิกรายการอย่างมืออาชีพที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสององค์กร เช่นนี้คืออะไรกันแน่ หรือมีเบื้องหลังที่ไม่สามารถอธิบายได้อย่างไร”

นายอดิศักดิ์กล่าวว่า หากพิจารณาจากผลการดำเนินธุรกิจโดยปกติ ทาง อสมท น่าจะต่อสัญญา “ร่วมผลิตรายการ” เพราะทั้งสองรายการเป็นรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ด้วยการนำจุดแข็งด้านข่าวของทั้งสององค์กรสื่อมาเสริมซึ่งกันและกัน ทำให้ทั้งสองรายการได้รับความนิยมสูงในลำดับต้นๆ ของรายการทั้งหมดในผังช่อง 9 ติดต่อกันมาหลายปี จนสามารถเพิ่มอัตราค่าโฆษณาได้ทุกปีจนทำรายได้ให้ อสมท จำนวนมากต่อเดือน หากบอร์ด อสมท ต้องการจะปรับเปลี่ยนเงื่อนไขบางอย่างเพื่อทำให้เกิดประโยชน์แก่ อสมท มากขึ้นทาง NBC ก็ไม่ขัดข้องแต่อย่างใด แต่กลับไม่เคยเชิญผู้บริหาร NBC ไปหารือในฐานะผู้ร่วมผลิตรายการที่เป็นคู่สัญญา

“ผมรู้สึกได้ถึงสัญญาณที่ไม่เป็นมิตรของกรรมการบอร์ด อสมท บางคนตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม เพราะมีการปล่อยข่าวมาโดยตลอดว่าจะถอดรายการข่าวข้นคนข่าวและรายการเช้าข่าวข้นออกจากผังตั้งแต่ต้นปี จนบริษัทเอเยนซีจำนวนมากได้แสดงความห่วงใยผ่านมาทางเนชั่น และทราบว่าความเห็นของเอเยนซีโฆษณาดังกล่าวยังผ่านไปยังผู้บริหาร อสมท หลายท่านว่า ทำไมกรรมการบอร์ด อสมท บางคนจะต้องไปปล่อยข่าวทำร้ายองค์กรตัวเอง จนส่งผลลบต่อรายได้โฆษณาเดือนมกราคมลดลงไปอย่างมาก ทั้งๆ ที่ทั้งสองรายการยังเป็นที่นิยมของคนดูและผู้ลงโฆษณา

นายอดิศักดิ์กล่าวว่า จะขอความเป็นธรรมจากประธานบอร์ด อสมท นายสรจักร เกษมสุวรรณ และคงจะทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อยากให้ทบทวนการตัดสินใจใหม่หรืออย่างน้อยที่สุดถือหลักการปฏิบัติอย่างมืออาชีพระหว่าง 2 องค์กรสื่อ อสมท กับเนชั่นที่เป็นพันธมิตรกันมายาวนาน การตัดสินใจแต่เพียงฝ่ายเดียวเช่นนี้เป็นการส่งสัญญาณเสมือนว่าบอร์ด อสมท หรือบอร์ดบางคน ไม่ต้องการทำงานและทำธุรกิจใดๆ ร่วมกับสื่ออย่างเนชั่นอีกต่อไป

“ถือว่าสวนทางกับความพยายามสร้างบรรยากาศการปรองดองของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ต้องการให้ทุกฝ่ายหันหน้ามาคุยกันและทำงานร่วมกัน การตัดสินใจเช่นนี้เป็นการผลักไสให้สื่อในเครือเนชั่นถูกมองจากสังคมว่าเป็นสื่อที่ยังเป็นคู่อริหรืออยู่ตรงกันข้ามกับรัฐบาลชุดนี้ โดยไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบต่อการประกอบวิชาชีพของสื่อภาคเอกชนที่ทำงานอยู่บนหลักจรรยาบรรณาของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อที่นักข่าวทุกคนในเครือเนชั่นยึดมั่นมาโดยตลอด”
กำลังโหลดความคิดเห็น