“แอล” ปรับใหญ่ทั่วโลก เร่งขยายธุรกิจใหม่ๆ รับไลฟ์สไตล์ ผุดธุรกิจ คาเฟ่ สปา เครื่องสำอาง หวังขยายตลาดดันยอดขาย ชูเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตลาดหลัก หลังตลาดยุโรปและอเมริกาหดตัวลงเพราะพิษเศรษฐกิจ
นายฟาบรีซ เอ.ปลาคเกอร์วอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มลาการ์แดร์ แอคทีฟ เอ็นเตอร์ไพรส์ เจ้าของแบรนด์สินค้าแอล (ELLE) จากประเทศฝรั่งเศส กล่าวว่า นโยบายการทำธุรกิจของแอลทั่วโลกจากนี้จะขยายธุรกิจที่เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์มากขึ้น จากเดิมเน้นหนักไปที่กลุ่มแฟชั่นและสิ่งพิมพ์ ซึ่งนโยบายนี้เริ่มมาประมาณ 2-3 ปีแล้วเพื่อขยายโอกาสทางการตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดเอเชีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นตลาดสำคัญและมีการเติบโตที่ดีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จากเดิมตลาดหลักอยู่ที่ยุโรปและอเมริกา แต่ทั้งสองตลาดนี้ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ธุรกิจใหม่ที่เริ่มไปบ้างแล้วและอยู่ในแผน เช่น ธุรกิจเครื่องสำอาง, ธุรกิจสปา และธุรกิจคาเฟ่ ซึ่งประเทศเวียดนามจะเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่จะเปิดตัวธุรกิจแอลคาเฟ่ร้านขายกาแฟ จากก่อนหน้านี้ได้เริ่มไปแล้วในเอเชีย ประเทศแรกคือที่ญี่ปุ่น เมืองฟุกุโอกะ และเตรียมจะเปิดอีกที่โตเกียว
ขณะที่ตลาดเครื่องสำอางในแบรนด์แอลเกิร์ลคอสเมติกส์ ได้เปิดตัวไปแล้วหลายประเทศในเอเชีย เช่นที่ญี่ปุ่น และเกาหลี และล่าสุดเตรียมจะเข้าไปเปิดในจีนในเดือนกันยายน ปีนี้ รวมทั้งประเทศไทยภายในปีนี้ด้วย
“เอเชียถือเป็นตลาดใหญ่อย่างมาก โดยมีสัดส่วนรายได้มากกว่า 65% มากกว่าในอเมริกาที่มีเพียง 20% และยุโรปมีเพียง 10% ส่วนตลาดอินเดีย และตะวันออกกลางก็เริ่มที่จะมีแนวโน้มดี เพิ่งเริ่มทำตลาดโดยมีสัดส่วนรายได้ 5% ในเวลานี้ และคาดว่าสัดส่วนรายได้ในเอเชียจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่เวลานี้ประเทศในเอเชียมีการเติบโตที่ดี ส่วนในยุโรปได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจหลายประเทศ ซึ่งการที่แอลขยายธุรกิจใหม่ๆ ในเอเชียเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็น แอลคาเฟ่ แอลเกิร์ลคอสเมติกส์ หรือแอลสปา ก็น่าจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ตลาดเติบโตมากขึ้นไปอีกด้วย”
นายฟาบรีซกล่าวด้วยว่า ในเอเชียตลาดที่มีการเติบโตที่ดีและเร็วเช่นจีน ซึ่งปัจจุบันมีจุดขายรวมกันประมาณ 200-300 จุด โดยมีแบรนด์แอล ออม (ELLE HOME) ธุรกิจเครื่องแต่งกายสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ มีจุดจำหน่ายประมาณ 120 จุดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และปีที่แล้วได้ขยายจุดจำหน่ายเพิ่มอีก 60-40 จุด พื้นที่ขนาด 80-200 ตร.ม. เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดในประเทศดังกล่าว จากปัจจุบันแอลทำตลาดในจีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี และไทย ประมาณ 20-30 ปี
ขณะที่ตลาดอาเซียนก็เป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีความสำคัญ มีศักยภาพสูง จากปัจจุบันมีจุดจำหน่ายรวมกันในภูมิภาคนี้ประมาณ 760 จุด ล่าสุดเปิดสาขาต้นแบบ (แฟลกชิป) ร้านแอล ชอป บนพื้นที่ 180 ตร.ม. ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเป็นแห่งแรกในอาเซียนด้วย โดยมีสินค้าเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งแนวคิดการออกแบบร้านจะเป็นแบบเดียวกับแอล ฝรั่งเศส ด้วยงบลงทุนรวม 10 ล้านบาท
ล่าสุดกลุ่มลาการ์แดร์ แอคทีฟ เอ็นเตอร์ไพรส์ ได้มอบหมายให้บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นผู้รับสิทธิ์การทำตลาด (ไลเซนส์) เครื่องแต่งกายแบรนด์ “แอล” ในประเทศไทย เข้าไปดูแลในตลาดอินโดจีนใน 3 ประเทศเพิ่มเติม คือ พม่า, ลาว และกัมพูชา พร้อมมอบไลเซนส์ให้เป็นผู้ทำตลาดในกลุ่มสินค้านาฬิกาแบรนด์แอลเพิ่มด้วย คาดว่าภายในสิ้นปีนี้กลุ่มลาการ์แดร์ทั่วโลกจะมียอดขายประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีเอเชียเป็นตลาดใหญ่ที่สุดด้วยมูลค่ากว่า 650 ล้านเหรียญสหรัฐ