xs
xsm
sm
md
lg

“แอล” รุก “คาเฟ่-เมกอัพ-สปา” ชูเอเชียตลาดหลักรับวิกฤตโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ฟาบรีซ เอ. ปลาคเกอร์วอง ซีอีโอกลุ่มลาการ์แดร์ แอคทีฟ เอ็นเตอร์ไพรส์ (กลาง) บุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชันแนล จำกัด (ซ้าย)
“แอล” ปรับใหญ่ทั่วโลก เร่งขยายธุรกิจใหม่ๆ รับไลฟ์สไตล์ ผุดธุรกิจ คาเฟ่ สปา เครื่องสำอาง หวังขยายตลาดดันยอดขาย ชูเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตลาดหลัก หลังตลาดยุโรปและอเมริกาหดตัวลงเพราะพิษเศรษฐกิจ

นายฟาบรีซ เอ.ปลาคเกอร์วอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มลาการ์แดร์ แอคทีฟ เอ็นเตอร์ไพรส์ เจ้าของแบรนด์สินค้าแอล (ELLE) จากประเทศฝรั่งเศส กล่าวว่า นโยบายการทำธุรกิจของแอลทั่วโลกจากนี้จะขยายธุรกิจที่เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์มากขึ้น จากเดิมเน้นหนักไปที่กลุ่มแฟชั่นและสิ่งพิมพ์ ซึ่งนโยบายนี้เริ่มมาประมาณ 2-3 ปีแล้วเพื่อขยายโอกาสทางการตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดเอเชีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นตลาดสำคัญและมีการเติบโตที่ดีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จากเดิมตลาดหลักอยู่ที่ยุโรปและอเมริกา แต่ทั้งสองตลาดนี้ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ธุรกิจใหม่ที่เริ่มไปบ้างแล้วและอยู่ในแผน เช่น ธุรกิจเครื่องสำอาง, ธุรกิจสปา และธุรกิจคาเฟ่ ซึ่งประเทศเวียดนามจะเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่จะเปิดตัวธุรกิจแอลคาเฟ่ร้านขายกาแฟ จากก่อนหน้านี้ได้เริ่มไปแล้วในเอเชีย ประเทศแรกคือที่ญี่ปุ่น เมืองฟุกุโอกะ และเตรียมจะเปิดอีกที่โตเกียว

ขณะที่ตลาดเครื่องสำอางในแบรนด์แอลเกิร์ลคอสเมติกส์ ได้เปิดตัวไปแล้วหลายประเทศในเอเชีย เช่นที่ญี่ปุ่น และเกาหลี และล่าสุดเตรียมจะเข้าไปเปิดในจีนในเดือนกันยายน ปีนี้ รวมทั้งประเทศไทยภายในปีนี้ด้วย
กลุ่มสินค้าที่หลากหลายของแอล /ELLE
“เอเชียถือเป็นตลาดใหญ่อย่างมาก โดยมีสัดส่วนรายได้มากกว่า 65% มากกว่าในอเมริกาที่มีเพียง 20% และยุโรปมีเพียง 10% ส่วนตลาดอินเดีย และตะวันออกกลางก็เริ่มที่จะมีแนวโน้มดี เพิ่งเริ่มทำตลาดโดยมีสัดส่วนรายได้ 5% ในเวลานี้ และคาดว่าสัดส่วนรายได้ในเอเชียจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่เวลานี้ประเทศในเอเชียมีการเติบโตที่ดี ส่วนในยุโรปได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจหลายประเทศ ซึ่งการที่แอลขยายธุรกิจใหม่ๆ ในเอเชียเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็น แอลคาเฟ่ แอลเกิร์ลคอสเมติกส์ หรือแอลสปา ก็น่าจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ตลาดเติบโตมากขึ้นไปอีกด้วย”

นายฟาบรีซกล่าวด้วยว่า ในเอเชียตลาดที่มีการเติบโตที่ดีและเร็วเช่นจีน ซึ่งปัจจุบันมีจุดขายรวมกันประมาณ 200-300 จุด โดยมีแบรนด์แอล ออม (ELLE HOME) ธุรกิจเครื่องแต่งกายสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ มีจุดจำหน่ายประมาณ 120 จุดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และปีที่แล้วได้ขยายจุดจำหน่ายเพิ่มอีก 60-40 จุด พื้นที่ขนาด 80-200 ตร.ม. เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดในประเทศดังกล่าว จากปัจจุบันแอลทำตลาดในจีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี และไทย ประมาณ 20-30 ปี

ขณะที่ตลาดอาเซียนก็เป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีความสำคัญ มีศักยภาพสูง จากปัจจุบันมีจุดจำหน่ายรวมกันในภูมิภาคนี้ประมาณ 760 จุด ล่าสุดเปิดสาขาต้นแบบ (แฟลกชิป) ร้านแอล ชอป บนพื้นที่ 180 ตร.ม. ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเป็นแห่งแรกในอาเซียนด้วย โดยมีสินค้าเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งแนวคิดการออกแบบร้านจะเป็นแบบเดียวกับแอล ฝรั่งเศส ด้วยงบลงทุนรวม 10 ล้านบาท

ล่าสุดกลุ่มลาการ์แดร์ แอคทีฟ เอ็นเตอร์ไพรส์ ได้มอบหมายให้บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นผู้รับสิทธิ์การทำตลาด (ไลเซนส์) เครื่องแต่งกายแบรนด์ “แอล” ในประเทศไทย เข้าไปดูแลในตลาดอินโดจีนใน 3 ประเทศเพิ่มเติม คือ พม่า, ลาว และกัมพูชา พร้อมมอบไลเซนส์ให้เป็นผู้ทำตลาดในกลุ่มสินค้านาฬิกาแบรนด์แอลเพิ่มด้วย คาดว่าภายในสิ้นปีนี้กลุ่มลาการ์แดร์ทั่วโลกจะมียอดขายประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีเอเชียเป็นตลาดใหญ่ที่สุดด้วยมูลค่ากว่า 650 ล้านเหรียญสหรัฐ
กำลังโหลดความคิดเห็น