สมาคมศูนย์การค้าไทย (TSCA) ดันโครงการ Park&Ride แก้ปัญหาจราจร ดึงคนเข้าศูนย์ฯ มากขึ้น หวังรัฐช่วยหนุน พร้อมขานรับนโยบายภาครัฐตรึงราคาเมนูอาหาร แม้ภาพรวมต้นทุนพุ่งต่อเนื่อง 4-5%
นายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น ในฐานะนายกสมาคมศูนย์การค้าไทย เปิดเผยว่า ในช่วงปี 2555-2556 ทางสมาคมศูนย์การค้าไทยพร้อมผลักดันนโยบายอยู่หลายเรื่องเพื่อให้ทางภาครัฐสนับสนุน เช่น โครงการก่อสร้างอาคารจอดรถสำหรับประชาชนที่ใช้บริการรถไฟฟ้าในลักษณะ Park & Ride ในเขตชานเมืองของกรุงเทพฯ เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนนำรถมาจอดและใช้บริการรถไฟฟ้าเดินทางเข้ามาในเมืองมากขึ้น ซึ่งโครงการนี้จะส่งผลให้คนใช้รถไฟฟ้าและรถสาธารณะมากขึ้น ทำให้รถที่วิ่งเข้ามาในเมืองมีน้อยลง การจราจรไม่ติดขัด ทำให้ปัญหามลพิษจากควันรถลดลงด้วย ส่งผลให้ประชาชนมีสุขภาพดีขึ้น มีเวลามากขึ้นทำให้มีสุขภาพจิตดีขึ้น และในระยะยาวช่วยลดค่าใช้จ่ายและภาระค่ารักษาพยาบาลที่รัฐต้องแบกรับ
ในฐานะผู้ประกอบการศูนย์การค้า สมาคมฯ มีความยินดีที่จะให้ความร่วมมือในการเป็นจุดเชื่อมต่อของโครงการ Park & Ride เนื่องจากศูนย์การค้าเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตของประชาชนที่ต้องมาจับจ่ายของจำเป็น ซึ่งหากอาคาร Park & Ride ตั้งอยู่รอบศูนย์การค้าจะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้โครงการและช่วยเติมเต็มวิถีชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่ได้อย่างครบวงจร โดยรูปแบบ Park & Ride นี้เป็นแนวทางการบริหารจัดการการจราจรของเมืองใหญ่หลายเมืองที่มีมานานแล้วในต่างประเทศและมีประสิทธิภาพดีที่ควรนำมาเป็นแบบอย่าง
“โครงการ Park & Ride เบื้องต้นมองว่า ในกลุ่มสมาชิกซึ่งมีกว่า 10 บริษัท โดยในเขตกรุงเทพฯ มีจำนวนศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้ากว่า 50 แห่ง และกว่าครึ่งเปิดให้บริการเลียบเส้นทางรถไฟฟ้า ซึ่งสมาชิกพร้อมที่จะสนับสนุน และปรับพื้นที่บางส่วนมาใช้เพื่อโครงการดังกล่าว โดยต้องการให้ทางภาครัฐเข้ามาสนับสนุนด้วย ส่วนค่าบริการนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เป็นราคาเดียวกัน ซึ่งนอกจากจะช่วยให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้นแล้ว ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยดึงดูดให้มีการเข้ามาใช้บริการภายในศูนย์การค้ามากขึ้นด้วย”
ขณะเดียวกัน ทางสมาคมฯ ยังพร้อมสนับสนุนภาครัฐเกี่ยวกับนโยบายเมนูอาหารราคาประหยัด 20-35 บาทในศูนย์อาหารเพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าปัจจุบันต้นทุนต่างๆ โดยรวมจะเพิ่มขึ้นกว่า 4-5% โดยเฉพาะค่าแรงงานของแม่บ้านและ รปภ.ที่เพิ่มขึ้นกว่า 30% ตามนโยบายการปรับรวมถึงค่าไฟที่ปรับสูงขึ้น และทางสมาคมฯ ยังคงพร้อมตรึงราคาสนับสนุนนโยบายดังกล่าวอยู่
นอกจากนี้ ทางสมาคมฯ ยังต้องการให้รัฐช่วยสนับสนุนและผลักดันให้เอกชนหันมาใส่ใจเรื่องการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่อากาศ พร้อมกับปลุกจิตสำนึกให้พนักงานในองค์กรร่วมมือในการอนุรักษ์พลังงาน โดยรัฐเอื้อประโยชน์ให้เอกชนที่ดำเนินการตามแนวนโยบายนี้ในเรื่องของการลดภาษี และได้วัสดุก่อสร้าง หรือวัสถุดิบการผลิตในราคาพิเศษ เป็นต้น
นายนริศ กล่าวต่อว่า ทางสมาคมฯ ยังมีนโยบายตอบแทนสังคม สมาชิก และความมุ่งมั่นที่จะมอบความสุขให้คนไทยทุกคน ดังมติของคณะกรรมการในปี 2555-2556 ที่จะร่วมกันผลักดันให้ประชาชนคนไทยได้รับความสุข ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะด้านการส่งเสริมสุขภาพคนไทยในกิจกรรม เช่น การแข่งขันกอล์ฟ การแข่งขันฟุตบอลร่วมกันระหว่างบริษัทกลุ่มสมาชิกและพนักงาน รวมถึงจัดแรลลีสำหรับกลุ่มผู้บริโภคด้วย