บมจ.ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารนมคุณภาพสูงภายใต้แบรนด์ “โฟร์โมสต์” ร่วมกับสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น ประกาศความพร้อมเกษตรกรฟาร์มโคนมไทยสู่การแข่งขันในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ชูการจัดการฟาร์มมาตรฐานโลกที่ให้ผลผลิตสูงภายใต้โครงการ Dairy Development Program พร้อมขับเคลื่อนศูนย์วิจัยและพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์และโภชนาการเต็มสูบ เดินสายโรดโชว์ติดอาวุธให้เกษตรกรโคนมไทยทั่วประเทศ
รศ.ดร.ประวีร์ วิชชุลตา อาจารย์ประจำภาควิชาสัตวบาล ม.เกษตรศาสตร์ กล่าวว่า “การก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economics Community : AEC) เป็นจุดเปลี่ยนผ่านสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องตระหนัก และมีการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์การแข่งขันที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการเกษตรซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ แม้ไทยจะเป็นผู้นำตลาดด้วยต้นทุนและการจัดการที่ดีกว่าในหลายอุตสาหกรรม แต่การเปิดตลาดเสรีและความตื่นตัวของประเทศเพื่อนบ้านถือเป็นสถานการณ์ที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด”
“ฟาร์มโคนม” เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมการเกษตรที่ไทยมีความได้เปรียบในด้านการผลิต ด้วยปริมาณน้ำนมดิบคุณภาพดีที่ผลิตได้สูงถึงกว่า 1 ล้านตันต่อปี ซึ่งเป็นผลมาจากการมุ่งมั่นพัฒนาฟาร์มโคนมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการพัฒนาสายพันธุ์โคนมที่ให้น้ำนมสูงและการจัดการฟาร์มที่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้ในปัจจุบันไทยยังคงเป็นผู้นำในตลาดนมด้วยปริมาณการผลิตที่สูงกว่าประเทศอื่นในกลุ่มอาเซียน ซึ่งเมื่อเปิดเสรีแล้วประเทศเหล่านี้จะต้องเร่งพัฒนาเพื่อให้สามารถแข่งขันได้อย่างแน่นอน
รศ.ดร.ประวีร์ กล่าวเสริมว่า การเปิดตลาดเสรีของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะทำให้เกษตรกรฟาร์มโคนมไทยอาจประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงาน อันเนื่องมาจากแรงงานไหลกลับประเทศ ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสในการขยายธุรกิจไปสู่การส่งออกนมเพื่อการแปรรูป การจำหน่ายน้ำเชื้อและพันธุ์วัวคุณภาพสูงไปยังประเทศเพื่อนบ้านโดยอาศัยเทคโนโลยีและการจัดการฟาร์มอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการสนับสนุนและส่งเสริมส่งต่อองค์ความรู้เพื่อให้เกิดการพัฒนาจัดการฟาร์มโคนมที่ได้มาตรฐานอย่างแพร่หลาย
นายชนินทร์ อรรจนานันท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) กล่าวว่า “เพื่อให้สอดรับกับการเติบโตของภาคเกษตรกรรมฟาร์มโคนม ปัจจุบันโฟร์โมสต์คือบริษัทผู้ผลิตที่รับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรโคนมมากที่สุดในประเทศไทย โดยรับซื้อจากสหกรณ์โคนมทั่วประเทศรวม 11 แห่ง คิดเป็นปริมาณน้ำนมประมาณ 400 ตันต่อวัน หรือรวมเป็นจำนวนประมาณ 146,000 ตันต่อปี ซึ่งตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 50 ปี โฟร์โมสต์ได้ยึดมั่นในการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารนมคุณภาพควบคู่ไปกับการยกระดับวิชาชีพเกษตรกรโคนม ด้วยการนำเทคโนโลยีการผลิตที่ได้มาตรฐานสากล และได้รับการยอมรับจากนานาประเทศทั่วโลกมาใช้ควบคุมการผลิตในประเทศไทย รวมถึงถ่ายทอดความรู้สู่เกษตรกรโคนมคู่ค้าเพื่อผลิตนมที่ได้คุณภาพมาตรฐานระดับสากลในทุกขั้นตอน ซึ่งการเพิ่มศักยภาพความพร้อมของเกษตรกรฟาร์มโคนมนี้ จะเป็นโอกาสสำคัญให้ไทยก้าวไปสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมฟาร์มโคนมใน AEC ที่ทุกประเทศในภูมิภาคต้องจับตามอง”
“เรามีความตั้งใจที่จะสานต่อเจตนารมณ์ขององค์กรในการส่งเสริมให้ความรู้แก่เกษตรกรโคนมไทยผ่านโครงการ Dairy Development Program หรือ DDP โดยส่งเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องการจัดการฟาร์มออกเยี่ยมเยียนเกษตรกรโคนมคู่ค้า เพื่อให้คำแนะนำที่ถูกต้องในการจัดการฟาร์มอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมุ่งเน้นให้ความสำคัญต่อการพัฒนาฟาร์มโคนมอย่างเป็นระบบและถูกสุขลักษณะ โดยการทำงานร่วมกับเกษตรกรคู่ค้าอย่างใกล้ชิดในการนำระบบการจัดการฟาร์มมาตรฐานสากลมาใช้ ทั้งการให้คำแนะนำในการคัดเลือกและพัฒนาสายพันธุ์วัวนมให้เหมาะสมกับพื้นที่เลี้ยง การผลิตและปรับปรุงสูตรอาหารวัว การจัดการวัวรีดนมให้ได้สุขลักษณะและปลอดเชื้อ การจัดการโรงเรือนให้สะดวกต่อการถ่ายเทอากาศและการรักษาความสะอาดเพื่อป้องกันการเกิดโรคระบาด การให้วัคซีนป้องกันโรคตามช่วงอายุวัว ตลอดจนการจัดทำฐานข้อมูลโคนม ซึ่งจะทำให้วัวเติบโตอย่างสมบูรณ์แข็งแรง ให้น้ำนมดิบคุณภาพสูงในปริมาณที่มากกว่าการเลี้ยงวัวในโรงเรือนที่แออัด หรือการเลี้ยงปล่อยแบบดั้งเดิม และเมื่อผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน ก็จะได้นมคุณภาพสูงที่เปี่ยมด้วยสารอาหารครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการส่งถึงมือผู้บริโภคชาวไทยอย่างต่อเนื่อง” นายชนินทร์กล่าว
นอกจากนี้ โฟร์โมสต์มีการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์และโภชนาการเพื่อเป็นแหล่งความรู้ให้แก่เกษตรกรและผู้ที่สนใจ พร้อมทั้งวางแผนจัดกิจกรรมโรดโชว์เดินสายให้ความรู้แก่เกษตรกรโคนมไทยทั่วประเทศ โดยมุ่งยกระดับการดำเนินงานของฟาร์มโคนมให้ได้คุณภาพระดับมาตรฐานสากล เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับก้าวสู่การแข่งขันในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะสามารถแข่งขันและครองอันดับความเป็นผู้นำของอุตสาหกรรมนมในระดับอาเซียนเช่นปัจจุบันได้อย่างแน่นอน
น้ำนมดิบได้เพียง 6 ตันต่อวัน จนถึงวันนี้ที่เราสามารถผลิตน้ำนมดิบส่งให้โฟร์โมสต์ได้ถึง 65 ตันต่อวัน หล่อเลี้ยงชีวิตสมาชิกสหกรณ์มากกว่า 2,000 ชีวิต นอกจากการเป็นคู่ค้าทางธุรกิจแล้ว โฟร์โมสต์ยังได้ถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีการจัดการฟาร์มที่ได้มาตรฐานสากล รวมถึงให้คำแนะนำในการเลือกใช้เทคโนโลยีอันสมัยในการรีดและจัดเก็บน้ำนมดิบให้คงคุณภาพสูงอยู่ได้นาน จนสหกรณ์ฯ สามารถพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์น้ำนมดิบได้ระดับมาตรฐานโลก (World class standard) และเป็นที่ยอมรับของตลาด ซึ่งด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องนี้ทำให้เชื่อมั่นว่าเราจะสามารถก้าวเข้าสู่การแข่งขันในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้อย่างแน่นอน
“การพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยการส่งต่อองค์ความรู้และการปรับใช้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกขั้นตอนของกระบวนการจัดการ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการยกระดับมาตรฐานฟาร์มโคนมของไทยให้สามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้ โดยจะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ระดับนโยบายโดยภาครัฐฯ การสนับสนุนและส่งเสริมจากภาคเอกชน ตลอดจนวิสัยทัศน์และการนำไปปรับใช้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเกษตรกรเอง ความสำเร็จของสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็นในวันนี้เป็นสิ่งที่สะท้อนองค์รวมของการขับเคลื่อนที่ได้ประสิทธิผลอย่างชัดเจน และในอนาคตอันใกล้เกษตรกรฟาร์มโคนมไทยก็จะพลิกโฉมหน้าสู่การเป็นผู้นำด้านการผลิตและส่งออกโคนม รวมถึงผลิตภัณฑ์จากนมคุณภาพรายใหญ่ที่ทุกประเทศในภูมิภาคต้องจับตามอง” ดร.ประวีร์กล่าวทิ้งท้าย