นักศึกษาจุฬาฯ ชำแหละรัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ตรงจุด ชี้ 3 ปัจจัย “ต้นทุน-ตลาดพิการ-รัฐบาลไม่เอาไหน” เป็นต้นเหตุทำสินค้าแพง โดยต้นทุนหลักเกิดจากราคาน้ำมัน เพราะสูงเกินค่าจ้างถึง 2 เท่า พร้อมแฉราคาน้ำมันตลาดโลกถูกกว่าไทยแต่ทำไมต้องขายแพงเหมือนสิงคโปร์ “ปู” ยอมรับภัยธรรมชาติทำของแพง กำชับทุกหน่วยงานเร่งแก้ไข
นายณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาสินค้าแพงเกินกว่าปกติในขณะนี้ โดยยอมรับว่าเกิดจากสาเหตุหลัก 3 ประการ คือ 1. ต้นทุน 2. กลไกตลาดที่พิการ 3. รัฐบาลที่ไม่เอาไหน และทุกครั้งที่กล่าวถึงปัญหาต้นทุน ทั้งรัฐบาลและภาคธุรกิจส่วนใหญ่จะโยนให้เป็นปัญหาการปรับขึ้นค่าจ้าง 300 บาทต่อวัน ทั้งที่เป็นปัญหาระดับรองมาก มีผลกระทบต่อบริษัทใหญ่เพียงแค่ร้อยละ 2-3 ของต้นทุนเท่านั้น แต่อาจมีบริษัทขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบ
โดยที่ผ่านมาระบบค่าจ้างได้รับการปรับขึ้นเพียงร้อยละ 2-3 ต่อปีเท่านั้น หรือบางปีไม่ได้ปรับ การปรับค่าจ้างครั้งนี้จึงส่งผลให้นายจ้างซึ่งเคยชินกับการปรับช้าๆ เกิดภาวะช็อกเพราะไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน แต่ทั้งนี้ ภาพรวมค่าจ้างไม่ใช่ต้นทุนหลัก หากแต่เป็นเรื่องของราคาพลังงานคือ น้ำมันที่คิดเป็นต้นทุน 2 เท่าของค่าจ้าง
“ถ้ามองเฉพาะค่าขนส่ง คิดเป็นร้อยละ 18 ของต้นทุน ฉะนั้น น้ำมันเป็นเรื่องใหญ่มีความสำคัญต่อกลไกตลาดที่ถูกผูกขาดโดยบริษัทยักษ์ใหญ่ โดยที่รัฐบาลไม่สามารถเข้าไปบริหารจัดการได้”
ดังนั้น ค่าจ้างจึงไม่ใช่ตัวที่ทำให้ราคาสินค้าสูงเกินจำเป็น เพราะต้นทุนค่าจ้างในประเทศนับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับต้นทุนจากราคาน้ำมันน้อยที่สูงขึ้น
นายณรงค์กล่าวเสริมว่า หลายครั้งที่รัฐบาลอ้างถึงราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น แต่หากสำรวจทั่วโลกจะพบว่าราคาน้ำมันเบนซินในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ประมาณ 31 บาทต่อลิตร จีน และไต้หวัน 35 บาทต่อลิตร อินโดนีเซียมี 2 ราคา คือ 33 บาทต่อลิตร และ 15 บาทต่อลิตร สำหรับขายให้คนรายได้น้อย มาเลเซีย 19-20 บาทต่อลิตร ไนจีเรีย 22 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้ การอ้างตลาดสิงคโปร์ ซึ่งทางสิงคโปร์มีการนำเข้าน้ำมันดิบทุกหยดเพื่อนำมากลั่น และราคาหน้าโรงกลั่นคิดเป็นเงินไทยประมาณ 27-28 บาท แต่ไทยขายเท่าราคาสิงคโปร์ ทั้งที่ต่างกันมาก คือ น้ำมันดิบ 100 ลิตร ผลิตเองได้ 40 ลิตร และปริมาณนี้มีค่าภาคหลวงปิโตรเลียม ร้อยละ 12 แต่ต่างประเทศคิดค่าภาคหลวงร้อยละ 30 แต่เหตุใดประเทศไทยต้องขายน้ำมันในราคาเท่าสิงคโปร์
ด้านนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาราคาสินค้าแพง โดยระบุว่า ปัจจัยส่วนหนึ่งเกิดจากผลกระทบจากภัยธรรมชาติ เชื่อว่าหลังจากรัฐบาลดูแลแก้ไขปัญหาให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบแล้วสถานการณ์ต่างๆ จะดีขึ้น