พิษค่าแรงงาน-ราคาน้ำมันทำยอดกำไรธุรกิจไมซ์ร่วง 6-7% จากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 20% ชี้แรงงานไทยต้องพัฒนาก่อนเปิดเสรีอาเซียนซึ่งผู้ประกอบการมีทางเลือกแรงงานมากขึ้น ล่าสุดรัฐ-เอกชนร่วมภาคีเปิดโครงการพัฒนาบุคลากรไมซ์ ขณะที่ สสปน.ไส้แห้ง กระทบการเติบโตไมซ์หดปีนี้เหลือโต 4%
นายประวิชย์ ศรีบัณฑิตมงคล นายกสมาคมการแสดงสินค้า(ไทย) หรือ TEA และประธานร่วมคณะทำงานเตรียมความพร้อมทั้งรุกและรับตามกรอบความร่วมมือเศรษฐกิจอาเซียนของอุตสาหกรรมไมซ์ กล่าวว่า ผลจากการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท ทำให้สินค้าและบริการเกือบทุกอย่างปรับขึ้นราคา ขณะที่ธุรกิจการให้บริการจัดประชุมสัมมนาและการแสดงสินค้ายังไม่สามารถปรับขึ้นราคาได้ เป็นเพราะสถานการณ์การแข่งขัน ประกอบกับหลายงานเป็นสัญญาที่ตกลงกันมาก่อนหน้านี้นานแล้ว จึงทำให้ธุรกิจมีกำไรสุทธิลดลง 6-7% ขณะที่ต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้นราว 20%
“แรงงานในอุตสาหกรรมไมซ์ของไทยยังขาดแคลน แม้ค่าแรงขึ้นก็ต้องจ้างไว้ แต่เมื่อเปิดเสรีอาเซียนตลาดแรงงานจะกว้างขึ้น แต่ผู้ประกอบการก็ยังขอเลือกจ้างแรงงานคนไทย ทางรอดคือหันมาพัฒนาฝีมือแรงงานไทยให้คุ้มค่าแรง เพราะคนไทยอ่อนเรื่องภาษา และขาดความกระตือรือร้นเมื่อเทียบกับเวียดนาม พม่า ส่วนธุรกิจแสดงสินค้าปี 54 เติบโต 15% สร้างรายได้ 2.5 หมื่นล้านบาท”
***ร่วมภาคีพัฒนาบุคลากรไมซ์****
นางสุชาดา ยุวบูรณ์ ประธานบริหาร สามพรานริเวอร์ไซด์ กล่าวว่า เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้น จึงร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับกรมการท่องเที่ยว สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) สมาคมแสดงสินค้าไทย กองทุนส่งเสริมการจัดประชุมนานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) และภาคีที่เกี่ยวข้อง ร่างแผนพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานไมซ์ไทยในรูปแบบบูรณาการร่วมกัน ใน 4 กลุ่มหลัก คือ จัดทำหลักสูตรไมซ์, การพัฒนาบุคลากรทั้งผู้เรียนและผู้สอน, ทำแผนฝึกอบรมพัฒนาองค์ความรู้ผู้ให้บริการไมซ์ และร่วมกันประชาสัมพันธ์กิจกรรมแก่ผู้ประกอบการไมซ์ไทยเพื่อประโยชน์สูงสุดภายใต้ข้อตกลงเสรีอาเซียน
“หลังเปิดเสรีอาเซียนเชื่อว่าจะมีนักธุรกิจต่างประเทศสนใจเข้ามาร่วมทุนกับผู้ประกอบการคนไทย โดยจะจับธุรกิจที่มีสายป่านด้านการเงินน้อย กลุ่มเอสเอ็มอี เพื่อใช้เป็นฐานเรียนรู้ สร้างประสบการณ์ เพื่อกลับไปต่อยอดในประเทศของตัวเอง ซึ่งไทยมีจุดเด่นด้านภูมิศาสตร์ประเทศ และบุคลิกของการเป็นผู้ให้บริการที่ดี จึงควรนำจุดแข็งนี้มาพัฒนาต่อยอดสร้างความแข็งแกร่ง ผลักดันประเทศให้เป็นศูนย์กลางไมซ์แห่งอาเซียน จุดอ่อนสำคัญของคนไทยคือภาษา”
***สสปน.ขาดงบ เหลือโตแค่ 4%
นายธงชัย ศรีมาดา กรรมการ ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. กล่าวว่า โครงการนี้ สสปน.ร่วม 25 มหาวิทยาลัย เปิดวิชาเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการจัดประชุม สัมมนา การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล และการจัดงานแสดงสินค้าและนิทรรศการ หรือไมซ์ เพื่อให้นักศึกษามีโอกาสเรียนรู้และเห็นโอกาสในอาชีพจากการเรียนในวิชาดังกล่าว และใน 2-3 ปีข้างหน้าจะผลักดันให้สถาบันการศึกษาเปิดเป็นภาควิชาเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมไมซ์
สำหรับปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์มาประเทศไทยที่ 7.5 แสนคน สร้างรายได้ 60,120 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนราว 4% และตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2558 ไทยจะมีรายได้จากอุตสาหกรรมไมซ์ที่ 78,717 ล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวไมซ์ 958,320 คน เติบโตจากปีนี้ราว 28%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมไมซ์ 4% ในปีนี้เป็นเพราะผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ ทำให้ไตรมาสแรกจำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ลดลง ประกอบกับงบประมาณที่ได้รับจัดสรร 800 ล้านบาทเท่าๆ กับปี 2554 แต่ต้องแบ่งไปใช้เพื่อจัดงานประชุมโรตารีถึง 270 ล้านบาท ทำให้ สสปน.ขาดงบประมาณในการสนับสนุนการจัดงานหรือจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ นายอรรคพล สรสุชาติ อดีตผู้อำนวยการ สสปน.เคยตั้งเป้าไว้ว่า ด้วยศักยภาพตลาดไมซ์ จะผลักดันให้เติบโตได้ถึงปีละ 10- 15%