xs
xsm
sm
md
lg

“สมชัย” กังวล “ภัยแล้ง-การเมือง” กระทบ ศก. ยัน “ค่าไฟ-ค่ารถเมล์” ไม่น่าห่วง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“คลัง” ชี้ “รถเมล์” ขึ้นราคา “ค่าไฟฟ้า” แพงไม่กระทบจีดีพี เผยเศรษฐกิจเดือนมีนาคมขยายตัวต่อเนื่อง ห่วง 3 ปัจจัยเสี่ยง ภัยแล้ง การเมืองในประเทศ เศรษฐกิจโลกถดถอย แนะเร่งเบิกจ่ายงบฯ ลงทุนเมกะโปรเจกต์ หลังพบหน่วยงานยังไม่มีการเบิกจ่าย เล็งชงแพกเกจด้านลงทุนทั้งในตลาดหุ้น และนำเงินลงทุนนอก

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจไทยประจำเดือนมีนาคม 2555 ยังคงมีทิศทางฟื้นตัวจากวิกฤตอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 ขยายตัวได้ที่ร้อยละ 2 โดยเฉพาะการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนได้จากยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ขยายตัวร้อยละ 11.3 และปริมาณการนำเข้าสินค้าทุนประเภทเครื่องจักรที่ขยายตัวร้อยละ 16.2

ขณะเดียวกัน ยังพบว่าปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง ตัวเลขติดลบลดลง และการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ร้อยละ 102.1 ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 จากอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ที่เริ่มกลับมาเดินเครื่องกำลังการผลิตได้มากขึ้น และจะเต็มกำลังการผลิตได้ไตรมาสที่สองของปีนี้

ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่อยู่นอกเหนือการควบคุมและยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิดในปีนี้ คือภัยธรรมชาติที่จะมาในรูปของภัยแล้งมากกว่าน้ำท่วม ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง รวมถึงภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังถดถอย และปัญหาการเมืองภายในประเทศ ส่วนอัตราเงินเฟ้อในเดือนมีนาคมที่ร้อยละ 3.5 แม้จะสูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้า แต่ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ตราบใดที่ยังไม่สูงกว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ถือว่าไม่น่ากังวล

ส่วนการปรับขึ้นค่ารถโดยสารและค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) ยอมรับว่าอาจส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนบ้าง แต่จะไม่มากนักเนื่องจากมีปัจจัยบวกมากกว่าทั้งการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำวันละ 300 บาท และการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ที่ช่วยให้ประชาชนมีกำลังซื้อมากขึ้น จึงมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยทั้งปีจะสามารถเติบโตได้ร้อยละ 5.5 หรืออยู่ในกรอบร้อยละ 5-6 ตามที่ประมาณการไว้ และในเดือนมิถุนายน 2555 นี้ สศค.จะปรับประมาณการจีดีพีอีกครั้งหนึ่ง

นายสมชัยกล่าวเสริมว่า สศค.เตรียมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ หลังพบไม่มีการเบิกจ่ายงบแม้จะได้รับการอนุมัติไปแล้ว พร้อมเสนอมาตรการส่งเสริมการลงทุนต่างประเทศต่อกระทรวงการคลังเสริมสภาพคล่องให้สมดุล

ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ดูแลเรื่องการเงินเพื่อสนับสนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะจะสำรวจโครงการลงทุนขนาดใหญ่เดิมที่ได้รับการอนุมัติเงินงบประมาณแล้วแต่กลับไม่มีการเบิกจ่าย เพราะการลงทุนดังกล่าวของทั้งภาครัฐและรัฐวิสาหกิจถือเป็นอีกกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจปีนี้ให้โตได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ร้อยละ 5.5

พร้อมกันนี้ สศค.ได้เตรียมเสนอแพกเกจมาตรการส่งเสริมการลงทุนต่างประเทศต่อกระทรวงการคลัง ทั้งการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) และการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อเสริมสภาพคล่องให้มีความสมดุลมากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น