นางทรงศรี ศรัทธาเปี่ยม กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกแอธเลติก จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมที่จะนำเข้ารองเท้าอีก 2 แบรนด์ใหม่เข้ามาทำตลาดในเดือนพฤษภาคมนี้ คือ แบรนด์ล็อตโต้จากประเทศอิตาลี และแบรนด์โจมาจากสเปน โดยจะเป็นดิสทริบิวเตอร์ในไทย เป็นกลุ่มรองเท้ากีฬา ซึ่งจะทำให้พอร์ตโฟลิโอของบริษัทเพิ่มเป็น 7 แบรนด์ ประกอบด้วย เดียดอร่า แคปปร้า อารีน่า วูฟล์เวอลีน และแพนซึ่งเป็นแบรนด์ของไทยเอง
ส่วนการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีในปี 2558 นั้น บริษัทมีความพร้อมเช่นกัน ซึ่งจะทำให้ตลาดรวมรองเท้าขยายตัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งการเพิ่มแบรนด์รองเท้าใหม่ก็เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งในการเตรียมพร้อมรับมือเออีซีด้วย ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทนก็ได้ทำตลาดไปบ้างแล้วหลายประเทศเช่น พม่า มาลเซีย เขมร เวียดนาม ปีนี้จะขยายไปที่ประเทศฟิลิปปินส์เพิ่ม
ทั้งนี้ แบรนด์หลักคือ แพน ซึ่งเป็นของบริษัทฯ เองนั้น ปีนี้จะมีการขยายตัวเต็มที่เพื่อสร้างการเติบโต โดยล่าสุดได้ขยายไลน์รองเท้าแพนสู่กลุ่มรองเท้าแฟชั่นเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี จากเดิมมีแต่ไลน์กีฬาเท่านั้น ด้วยการใช้งบการตลาดกว่า 25 ล้านบาท เปิดตัว แพน ควิกเกอร์ จับกลุ่มวัยรุ่นอายุ 13-25 ปี นำเสนอโพซิชันนิ่งด้วยนวัตกรรมฟังก์ชัน ‘ใส่ง่าย ถอดง่าย ผูกเชือกครั้งเดียว กระชับ ถอดใส่ได้ตลอด’และเปิดโอกาสให้ผู้สวมใส่ได้เลือกมากถึง 14 สี โดยจัดจำหน่ายทั่วทั้งประเทศไทยพร้อมกัน ด้วยราคาคู่ละ 570 บาท ต่ำกว่าอินเตอร์แบรนด์ที่เริ่มต้นที่ 700 บาท ซึ่งต้องการที่จะผลักดันให้แบรนด์ไทยสามารถต่อสู้กับอินเตอร์แบรนด์ได้ โดยชูจุดเด่นเรื่องราคาที่ต่ำกว่า ดีไซน์ที่สวยงามหลากหลาย และคุณภาพของรองเท้าเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันแพนเป็นผู้นำด้านรองเท้ากีฬาของไทยอยู่แล้วด้วยแชร์ 60-70% ในกลุ่มแบรนด์ไทย
รวมทั้งจะขยายแพนชอปอีก 10 สาขา จากเดิมมี 30 สาขา และจุดขายในโมเดิร์นเทรดอีก 100 กว่าจุด และร้านค้าทั่วไปอีก 400 กว่าจุด เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าให้มากที่สุด โดยที่ปัจจุบันมีกำลังการผลิตรองเท้าแพนและโออีเอ็มรวมประมาณ 1 ล้านคู่ต่อปี
ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายรวมไว้ประมาณ 1,200 ล้านบาท หรือเติบโต 20% จากปีที่แล้วที่มีรายได้รวมประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตส่วนหนึ่งจะมาจากการเปิดตัวไลน์ใหม่คือ แพนควิกเกอร์เป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปีนี้ที่จะมีมหกรรมใหญ่ 2 รายการ คือ ฟุตบอลยูโร กับโอลิมปิก บริษัทไม่ได้เป็นสปอนเซอร์เพราะเป็นเรื่องของต่างประเทศ แต่บริษัทจะมีการทำการตลาดเพื่อรองรับกระแสด้วยเช่นกัน คาดว่าในช่วงเทศกาลกีฬาจะมีการเติบโตเฉลี่ย 20%