อสังหาฯ ไม่หวั่นแผ่นดินไหว-สึนามิ พร้อมเดินหน้า คาดตลาดอาจชะลอตัวระยะสั้น ผู้บริหารระดับสูง “อมารี” ลั่นลงทุนภูเก็ต-สมุยต่อ ระบุทุกคนต้องเดินหน้าแม้เกิดภัยพิบัติ ด้านพฤกษาฯ ชี้ตลาดแนวราบไม่กระทบ โบรกเกอร์ไนท์แฟรงค์ฯ มองยังไม่เห็นสัญญาณลูกค้าทิ้งเงินดาวน์ ระบุปัจจัยชี้ขาดความเชื่อมั่นอยู่ที่ระบบเตือนภัยของภาครัฐ “วสท.” เตือนอาคารเตี้ยต่ำกว่า 15 เมตรเสี่ยงหากเกิดแผ่นดินไหว ขณะที่ ทธ.ออกมาเตือน อาจจะเกิดอาฟเตอร์ช็อกไปอีก 1 สัปดาห์
การเกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.2 ริกเตอร์เมื่อเวลา 16.44 น. โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ในวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา และยังเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาขนาด 2.7 ริกเตอร์ ในเวลา 23.30 น. โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ อ.ถลางเช่นเดียวกัน ขณะที่เมื่อเวลา 00.30 น.ตามเวลาประเทศไทย เกิดแผ่นดินไหวที่ประเทศพม่า วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 2.1 ริกเตอร์ จุดศูนย์กลางอยู่ห่างจากทางทิศเหนือของ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 30 กม.
เหตุการณ์แผ่นดินไหวดังกล่าวนับเป็นการยืนยันคำกล่าวของนายภูเวียง ประคำมินทร์ โฆษกกรมอุตุนิยมวิทยา ที่ว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหว 8 ริกเตอร์ที่เกาะสุมาตรา อินโดนีเซียเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทบรอยเลื่อนทั้ง 13 รอยของประเทศไทย ซึ่งได้แก่ 1. รอยเลื่อนแม่จันและแม่อิง ครอบคลุมจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ 2. รอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน ครอบคลุมแม่ฮ่องสอน และตาก 3. รอยเลื่อนเมย ครอบคลุมตากและกำแพงเพชร 4. รอยเลื่อนแม่ทา ครอบคลุมเชียงใหม่, ลำพูน และเชียงราย
5. รอยเลื่อนเถิน ครอบคลุมลำปาง และแพร่ 6. รอยเลื่อนพะเยา ครอบคลุมลำปาง, เชียงรายและพะเยา 7. รอยเลื่อนปัว ครอบคลุมน่าน 8. รอยเลื่อนอุตรดิตถ์ ครอบคลุมอุตรดิตถ์ 9. รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ ครอบคลุมกาญจนบุรี และราชบุรี 10. รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ ครอบคลุมกาญจนบุรี และอุทัยธานี 11. รอยเลื่อนท่าแขก ครอบคลุมหนองคาย และนครพนม 12. รอยเลื่อนระนอง ครอบคลุมประจวบคีรีขันธ์, ชุมพร, ระนอง และพังงา และ 13. รอยเลื่อนคลองมะรุ่ย ครอบคลุมสุราษฎร์ธานี, กระบี่ และพังงา
ทั้งนี้ พื้นที่ของ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ที่เกิดแผ่นดินไหวตั้งอยู่ในแนวรอยเลื่อคลองมะรุ่ย มีคำถามตามมาว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ประเทศไทยมีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงหรือไม่ และอาคารบ้านเรือนของไทยมีความมั่นคงเพียงพอหรือสามารถรองรับเหตุแผ่นดินไหวได้มากน้อยเพียงใด และที่สำคัญ จ.ภูเก็ตถือเป็นจังหวัดที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ และเป็นแหล่งที่มีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งบ้านจัดสรร คอนโดฯ วิลลา จำนวนมาก เนื่องจากชาวต่างชาติที่มีฐานะ นิยมพักผ่อนที่ จ.ภูเก็ต และเลือกหาที่อยู่อาศัยรองรับเป็นบ้านหลังที่สอง ส่งผลให้ในแต่ละปี มีโครงการที่อยู่อาศัยเกิดขึ้นจำนวนมาก เฉพาะปี 2554 โครงการที่อยู่ระหว่างการขายมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 7-8 หมื่่นล้านบาท ยังไม่นับรวมโรงแรม ห้างสรรพสินค้า ค้าปลีกขนาดใหญ่ เป็นต้น
ล่าสุด นายเลิศสิน รักษาสกุลวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักธรณีวิทยา สิ่งแวดล้อม และธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณี (ทธ.) กล่าวยอมรับว่า จะมีอาฟเตอร์ช็อกต่อเนื่องไปอีกประมาณ 1 สัปดาห์ แต่จะมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ ประชาชนอย่าตื่นตระหนก ควรศึกษาแนวทางการปฏิบัติตัวรับมือหากเกิดแผ่นดินไหวในพื้นที่เสี่ยงภัย ซึ่งประเทศไทยส่วนใหญ่จะเป็นแผ่นดินไหวขนาดเล็ก ถึงขนาดปานกลาง คือไม่เกิน 6 ริกเตอร์ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อบ้านเรือนที่มีลักษณะชั้นเดียว หรือสองชั้น แต่ยังไม่กระทบอาคารสูง
ทั้งนี้ แนวทางการปฏิบัติตัว คือ หากอยู่ในบ้านชั้นเดียว หรือสองชั้น ให้ออกจากบ้านโดยทันที ไปอยู่ในที่โล่งแจ้ง หากอยู่บนตึกสูงให้หาที่กำบังเพื่อป้องกันของตกใส่ และใช้เส้นทางหนีไฟ หรือบันไดเท่านั้น ห้ามใช้ลิฟต์
กลุ่มอมารีไม่หวั่นแผ่นดินไหว ยันเดินหน้าลงทุนภูเก็ต-สมุยต่อ
นายยุทธชัย จรณะจิตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อมารี เอ็ซเทท จำกัด กล่าวว่า บริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงการในภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียงตามแผนที่วางเอาไว้ เพราะภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นไม่ได้รุนแรงจนสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน เพราะไม่ว่าจะเป็นสึนามิ หรือแผ่นดินไหวถือเป็นเรื่องธรรมชาติที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งยอมรับว่าในระยะสั้นอาจส่งผลกระทบในด้านจิตวิทยาผู้ซื้อ ตลาดอาจชะลอตัวไปบ้าง แต่ตลาดอสังหาฯ ภูเก็ตถือเป็นตลาดอินเตอร์เนชัลแนล กลุ่มลูกค้าหลากหลาย ไม่มีเฉพาะชาวยุโรปเท่านั้นที่มาซื้ออสังหาฯ แต่มีทั้งคนเอเชียและจากที่อื่นๆ ด้วย
สำหรับการลงทุนของบริษัทฯ คงเดินหน้าพัฒนาโครงการอมารี เรสซิเดนซ์ ภูเก็ต ซึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่ 60 ไร่ อยู่บนเนินเขาจุดสูงที่สุดของป่าตอง สามารถมองเห็นวิวได้ทั้งหมด เฟสแรกพัฒนา 122 ยูนิต แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 110 ยูนิต พูลวิลลา 12 ยูนิต ทุกยูนิตจะเห็นวิวชายทะเลโดยรอบ 100% พร้อมกันนี้ยังลงทุนเพิ่มในส่วนของโรงแรมอมารี คอรัล บีช ที่เป็นผู้ให้บริการโฮเต็ล เซอร์วิส ราคาเริ่มต้นต่อยูนิต 9.9 ล้านบาทสำหรับห้อง 45.5 ตารางเมตร (ตร.ม.) หรือเริ่มต้น ตร.ม.ละ 2 แสนบาท จะเริ่มการก่อสร้างไตรมาส 2/2555 คาดว่าจะเสร็จในไตรมาสที่ 4 ของปี 2558 มูลค่าโครงการรวม 2,500 ล้านบาท พร้อมกันนี้บริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงการโรงแรมที่สมุยเช่นกัน
PS ระบุไม่กระทบแนวราบ
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เร็วเกินไปที่จะพูดถึงผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพราะแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น และอาฟเตอร์ช็อกที่ตามมามีความรุนแรงเพียง 2-3 ริกเตอร์เท่านั้น และไม่ได้สร้างความเสียหายแก่สิ่งปลูกสร้าง อาคารบ้านเรือนมากนัก แต่ในระยะสั้นอาจส่งผลต่อจิตวิทยาของผู้ซื้อ ที่จะต้องนำมาตรฐานในการก่อสร้างสามารถรองรับแรงสั่นสะเทือนได้มากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะอาคารสูงคอนโดมิเนียม ส่วนแนวราบนั้นเชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
ในส่วนของพฤกษาฯ การลงทุนในภูเก็ตจะเป็นการพัฒนาโครงการแนวราบ บ้านเดี่ยวทาวน์เฮาส์ ส่วนคอนโดมิเนียมนั้นยังไม่มีแผนลงทุนในขณะนี้ จึงเชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม หากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขึ้นก็จะส่งผลกระทบในวงกว้างอย่างแน่นอน
ด้านนายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ยังไม่มีลูกค้าขอคืนเงินจากสาเหตุแผ่นดินไหว เพราะเชื่อว่าหลังจากผ่านสึนามิในปี 2547 มาแล้วทุกคนมีการเตรียมความพร้อมและเตรียมใจรับไว้อยู่แล้ว ส่วนด้านการท่องเที่ยวอาจมีผลกระทบบ้าง
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในระยะสั้นอาจกระทบต่อจิตวิทยาผู้ซื้อ โดยจะถามถึงความปลอดภัยของโครงการทั้งจากแผ่นดินไหว และสึนามิ อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าโครงการที่พัฒนาในช่วงหลังจากปี 2547 ที่มีสึนามิเกิดขึ้นส่วนใหญ่จะอยู่ห่างจากชายหาดหรืออยู่บริเวณเนินเขา
“การเกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กในครั้งนี้ยังถือเป็นการทดสอบระบบเตือนภัยของหน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่ามีข้อบกพร่องหรือต้องแก้ไขในส่วนใดบ้าง”
เตือนอาคารเตี้ยไม่ปลอดภัย
รศ.ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย ประธานคณะอนุกรรมการผลกระทบจากแผ่นดินไหวและแรงลม วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) เปิดเผยถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ จ.ภูเก็ตขนาด 4.3 ริกเตอร์ และเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วถือเป็นการเกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็ก ไม่อยู่ในขั้นที่เป็นอันตรายต่ออาคารบ้านเรือน ยังไม่ถือว่ารุนแรง แค่อาคารมีรอยแตกร้าว ประชาชนตื่นตกใจ แต่หากขยับขึ้นในระดับกลาง หรือ 5-6 ริกเตอร์ขึ้นไป จะเริ่มเป็นอันตรายอาจทำให้โครงสร้างมีความเสียหายหรือถล่มได้ โดยหากตำแหน่งที่เกิดแผ่นดินไหวอยู่ใกล้สนามบิน ตัวเมืองภูเก็ต ชายหาดสำคัญๆ อาจมีโอกาสที่จะได้รับความเสียหาย หรือผลกระทบต่อตัวอาคาร สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ อย่างรุนแรงได้ แต่ประเด็นดังกล่าวยังไม่เคยพบ
ทั้งนี้ หากดูจากสถิติการเกิดรอยเลื่อน ความเสี่ยงแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นครั้งนี้ยังไม่น่าเป็นห่วง เมื่อเทียบกับภาคเหนือและภาคตะวันตกของประเทศซึ่งมีแผ่นดินไหวที่มีขนาดใหญ่และมีความถี่มากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม การเกิดแผ่นดินไหวภาคใต้ถือว่ามีจำนวนครั้งน้อยมาก รวมถึงภาคใต้เองมีรอยเลื่อนอยู่เพียง 2 รอย คือที่ จ.ระนอง กับรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย ซึ่งจะผ่าน จ.สุราษฎร์ธานีเข้ามาที่ จ.พังงา จากนั้นรอยต่อแนวจึงจะมาที่ จ.ภูเก็ต แต่แนวที่เข้ามา จ.ภูเก็ตก็ยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าใดนัก ดังนั้น ระดับ 2-4 ริกเตอร์มองว่ายังไม่น่าห่วงเท่าใดนัก
แม้ว่าแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นจะไม่รุนแรงถึงขั้นสร้างความเสียหายแก่อาคาร บ้านเรือน แต่พื้นที่ดินของกรุงเทพฯ และปริมณฑลตั้งอยู่ในแอ่งดินอ่อน การออกแบบและปลูกสร้างอาคารต้องทนต่อแผ่นดินไหว เพราะไม่มีใครสามารถการันตีได้ว่าจะไม่เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขึ้นในไทย จึงควรป้องกันไว้ ส่วนพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร ที่บังคับให้อาคารที่มีขนาดสูงกว่า 15 เมตรจะต้องออกแบบให้ทนต่อแผ่นดินไหวนั้น ในทางปฏิบัติยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าอาคารเหล่านั้นก่อสร้างได้มาตรฐานหรือต้านแผ่นดินไหวหรือไม่ และหากเป็นอาคารที่ต่ำกว่า 15 เมตร กฎหมายไม่ได้กำหนด นั่นแสดงว่าอาคารที่ต่ำกว่า 15 เมตรมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว
ข้อมูลที่ได้มาจากการสำรวจภาคสนามของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ โดยเป็นข้อมูลจากโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย เฉพาะโครงการที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วย ใน จ.ภูเก็ตมีหน่วยขายที่อยู่อาศัยในผังโครงการทั้งสิ้นประมาณ 23,340 หน่วย แบ่งเป็นหน่วยบ้านจัดสรรประมาณ 9,940 หน่วย อาคารชุดประมาณ 6,970 หน่วย บ้านพักตากอากาศประมาณ 1,280 หน่วย บ้านเอื้ออาทรประมาณ 720 หน่วย และอาคารชุดเอื้ออาทรประมาณ 4,430 หน่วย
อนึ่ง จากการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยใน จ.ภูเก็ต ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ณ สิ้นปี 2554 พบว่า โครงการที่อยู่ระหว่างการขาย (เฉพาะโครงการที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วย) ใน จ.ภูเก็ตมีทั้งสิ้น 23,340 หน่วย แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 9,940 หน่วย อาคารชุด 6,970 หน่วย บ้านพักตากอากาศ 1,280 หน่วย บ้านเอื้ออาทร 720 หน่วย และอาคารชุดเอื้ออาทร 4,430 หน่วย
ในประเภทบ้านจัดสรร อยู่ระหว่างการขาย 9,940 หน่วย จาก 65 โครงการ มูลค่ารวม 36,700 ล้านบาท ขายแล้ว 6,790 หน่วย มูลค่าขายรวม 22,000 ล้านบาท เหลือขาย 3,150 หน่วย มูลค่า 14,700 ล้านบาท จากโครงการทั้งหมด อยู่ในอำเภอเมือง 5,890 หน่วย ในอำเภอถลาง 3,320 หน่วย และอำเภอกะทู้ 730 หน่วย และจากจำนวนหน่วยในผังทั้งหมด เป็นบ้านเดี่ยว 3,260 หน่วย เป็นทาวน์เฮาส์ 3,280 หน่วย บ้านแฝด 2,200 หน่วย และอาคารพาณิชย์ 730 หน่วย นอกนั้นเป็นที่ดินเปล่า
ในประเภทอาคารชุด อยู่ระหว่างการขาย 6,970 หน่วย จาก 49 โครงการ มูลค่ารวม 32,800 ล้านบาท ขายได้แล้ว 4,100 หน่วย มูลค่าขาย 18,100 ล้านบาท เหลือขาย 2,870 หน่วย มูลค่า 14,700 ล้านบาท จากโครงการทั้งหมด อยู่ในอำเภอเมือง 4,380 หน่วย ในอำเภอกะทู้ 1,720 หน่วย และในอำเภอถลาง 870 หน่วย และจากจำนวนหน่วยในผังทั้งหมด