ก้าวเล็กๆที่ยิ่งใหญ่ของสมาคมทีวีดาวเทียม(แห่งประเทศไทย) ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา หากใครได้ติดตามแบบเกาะชิดติดขอบจอ คงได้เห็นพัฒนาการและความสำเร็จที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากยิ่งขึ้น ไปพร้อมๆกับ กสทช.ที่เริ่มเบ่งบานในวันนี้ ซึ่งปัจจุบันทีวีดาวเทียมเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากแล้ว จากภาระกิจหลักของทางสมาคมทีวีดาวเทียมฯ ภายใต้การนำของ ดร. นิพนธ์ นาคสมภพ นายกสมาคมทีวีดาวเทียมแห่งประเทศไทย ตัวแทนโทรทัศน์จากกลุ่มASTV ที่ต้องการให้ผู้ผลิตช่องรายการทีวีดาวเทียมมีพื้นที่ของตัวเองและอยู่แบบสมศักดิ์ศรี
แต่เมื่อมองเข้าไปถึงเนื้อแท้แล้ว.... ทีวีดาวเทียมยังแกร่งไม่พอ ทุกวันนี้ยังเป็นเพียงแค่เริ่มตั้งไข่และก้าวเดินได้เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น แถมยังเป็นเจ้าไม่มีศาลอยู่ เหตุเพราะ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ยังไม่เปิดทางให้ นั่นยิ่งเป็นปัญหาหนักอันใหญ่หลวง ที่ผู้กุมบังเหียนของสมาคมฯคนต่อไป จะต้องยึดถือเป็นภาระกิจเร่งด่วนอันดับแรกที่ต้องทำให้สำเร็จ ไม่ใช่หวังเพียงแค่เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองฝ่ายเดียว
ดร. นิพนธ์ นาคสมภพ นายกสมาคมทีวีดาวเทียม (แห่งประเทศไทย) เปิดใจว่า ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ที่เราได้ร่วมกันต่อสู้และทำงานกันอย่างหนัก ในการผลักดันให้ช่องทีวีดาวเทียมเป็นที่รู้จัก มันเป็นอะไรที่เหนื่อยมาก แต่ถือว่าคุ้ม จากที่ทุกคนไม่รู้จักเลยว่าช่องทีวีดาวเทียมคืออะไร เป็นอย่างไร ปัจจุบันเริ่มมีผู้คนเข้าใจและรู้จักทีวีดาวเทียมมากยิ่งขึ้น แยกแยะออกว่าระหว่างทีวีดาวเทียมกับเคเบิลทีวีมันแตกต่างกัน แต่ก็ยังสับสนระหว่างช่องรายการดาวเทียมกับจานดาวเทียม และแน่นอนในแง่ของรายได้จากโฆษณา ก็เริ่มมีการไว้วางใจมากยิ่งขึ้น เอเจนซี่เห็นถึงประสิทธิภาพในการเข้าถึงฐานผู้ชมได้เป็นอย่างดีของช่องทีวีดาวเทียม กับเม็ดเงินที่จ่ายน้อยนิดเมื่อเทียบกับช่องฟรีทีวีในปัจจุบัน แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่เพียงตรงที่ การชี้วัดการรับชม หรือ เรตติ้งการรับชม เพื่อเป็นเครื่องมือสร้างความมั่นใจให้เอเจนซี่เทเม็ดเงินมายังช่องทีวีดาวเทียมให้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น
ขณะที่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ ดร.นิพนธ์ ได้ดำเนินการในหลายๆเรื่อง เพื่อผลักดันให้ทีวีดาวเทียมเติบโตและเป็นที่ยอมรับในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น การจัดงานโลกไร้เสา โครงการสัมมนา CASBAA THAILAND INDUSTRY Seminar 2011 และที่สำคัญ คือ การขอพบกับทาง กสทช. ครั้งที่ยังเป็น กทช. เพื่อทำให้เข้าใจถึงความเป็นช่องทีวีดาวเทียมว่าไม่ใช่เคเบิลทีวีและไม่ใช่จานรับสัญญาณดาวเทียม
รวมถึงการผลักดันให้ช่องทีวีดาวเทียมมีรายได้จากโฆษณา ที่ปัจจุบันได้ร่วมกับทางนีลสัน ในการทำวิจัยตรวจสอบเรตติ้งจากตัวเลขการสำรวจที่ 260 ครัวเรือน ผลผิดพลาดมีถึง24% ถือว่ายังไม่ดีพอ ทั้งนี้ในเดือนเม.ย.จะผลักดันเป็น 600 หลังคาเรือน ผลผิดพลาด 14.9% แต่ก็ยังไม่ดีพออยู่ดี ซึ่งความเป็นจริง ควรมีความผิดพลาดไม่เกิน 5% หรือจะต้องเชคเรตติ้งที่ 7,000 ครัวเรือน
เก้าอี้นายกฯมันร้อน...
ที่กล่าวมาทั้งหมด เพื่อต้องการจะส่งไม้ต่อไปให้กับ นายกสมาคมฯคนต่อไป ที่กำลังจะมีการเลือกตั้งเลือกนายกสมาคมทีวีดาวเทียม (แห่งประเทศไทย) คนที่ 3 ในวันที่ 19 เม.ย.นี้
ซึ่งดร.นิพนธ์ ได้เอ่ยปากออกมาว่า การเลือกตั้งนายกฯคนใหม่นี้ อยากได้คนที่พร้อมจะอุทิศเวลาให้กับงานของสมาคมฯอย่างแท้จริง ที่สำคัญต้องเป็นคนที่สะอาดจากทุกข้อครหาเพื่อมานั่งเก้าอี้นายกฯครั้งนี้อย่างสมเกียรติ ไม่ใช่เข้ามาเพื่อแสวงหาประโยชน์ส่วนตน หรือเอื้อให้พวกพ้องเพื่อธุรกิจของตน เช่น เคเบิลหรือจานรับสัญญาณดาวเทียม แต่ควรผลักดันและต่อสู้ให้ช่องรายการทีวีดาวเทียมมีพื้นที่เป็นของตนสักที และอยู่อย่างสมศักดิ์ศรีให้ได้
“จริงๆค่อนข้างเป็นห่วงสมาคมฯอยู่มาก กลัวว่านายกฯคนต่อไปจะเข้ามาทำงานแบบไม่โปร่งใส ในสถานการณ์ที่ทุกคนเริ่มมองเห็นแสงสว่างของธุรกิจช่องทีวีดาวเทียมมากยิ่งขึ้น ในวันที่ กสทช. กำลังเดินหน้าพิจารณาการออกกฏออกมาควบคุมการใช้คลื่นความถี่ ถือเป็นเรื่องที่ดีต่ออนาคตช่องทีวีดาวเทียมในระยะอันใกล้นี้ ที่สำคัญในอนาคตแพลทฟอร์มคลื่นความถี่ จะเป็นการต่อสู้ของ3 คลื่นความถี่หลัก คือ 1.ทีวีดาวเทียม 2.เคเบิลทีวี และ 3 ทีวีดิจิตอล (เทอเรสเตียน ดิจิตอล) ของฟรีทีวี ที่จาก 1 ช่องเดิมจะขยายทำได้เป็น6 ช่อง นั่นจึงเป็นเหตุของที่มา ในวันนี้ว่า แนวโน้มการต่อสู้ในการเลือกตั้ง นายกสมาคมทีวีดาวเทียมฯคนใหม่ อาจจะมีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องก็เป็นได้ ที่สำคัญรายชื่อผู้สมัครที่แว่วเข้ามานั้น ยอมรับว่ายังไม่โดนใจนัก ทั้งนี้หากถึงเวลานั้นจริง ยังมองไม่เห็นใครที่เหมาะสม ตนก็พร้อมที่จะลงชิงเก้าอี้ตัวนี้อีกครั้ง....”
อย่างไรก็ดี ไม่ว่าใครก็ตามที่ขึ้นมานั่งเก้าอี้ตัวนี้แล้ว ก็ขอให้นั่งอย่างสง่างาม พร้อมนำพาสมาคมทีวีดาวเทียมฯสู่ความสำเร็จโดยเร็ว นั่นเพราะพันธกิจของสมาคมทีวีดาวเทียมฯยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องสานต่อให้จบ เพื่อให้ก้าวสู่ยุคสว่างเสียที เพราะในยุคของทีวีดาวเทียมปี 2555-2557 ครั้งนี้ มันไม่เหมือน2ปีก่อนหน้า เพราะมันเป็นยุคที่คนรู้จักช่องทีวีดาวเทียมแล้ว และ กสทช. ก็จะชี้ชะตาว่าควรจัดการให้ช่องทีวีดาวเทียมไปในทิศทางไหน
ดังนั้นสิ่งสำคัญที่นายกสมาคมฯคนใหม่พึงกระทำและสานต่ออย่างจริงจัง คือ 1.จะต้องให้ความสำคัญในการผลักดันรายได้จากโฆษณาเข้าสู่ช่องทีวีดาวเทียมให้มากขึ้น จากเดิมสถิติในปัจจุบัน ฟรีทีวี 4 ช่อง มีรายได้จากโฆษณารวมกันไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาทต่อปี ส่วนช่องทีวีดาวเทียมซึ่งมีกว่า 500 ช่องในปัจจุบัน ทำได้เพียง 10,000 ล้านบาทต่อปี หรือต่อเดือนแต่ละช่องเฉลี่ยมีรายได้เพียง ไม่ถึง 2 ล้านบาทเท่านั้น ถือว่าน้อยมาก ขณะที่อนาคตทีวีดาวเทียมมีโอกาสเติบโตสูง จึงควรเร่งหาวิธีที่จะดึงความมั่นใจของเอเจนซี่ให้เข้ามาใช้เงินในช่องทีวีดาวเทียมให้มากขึ้น โดยต้องเข้าไปนั่งอยู่ในใจเอเจนซี่ให้ได้
2.ผลักดันในเรื่องของจริยธรรม ในการดำเนินธุรกิจช่องทีวีดาวเทียม ในการเผยแพร่เนื้อหาคอนเท้นต์ทุกรูปแบบของแต่ละช่อง จากปัจจุบันทางสมาคมทีวีดาวเทียมฯได้เคร่งคัดในระเบียบข้อบังคับเหล่านี้เป็นอย่างมากแล้ว แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ละเมิดอยู่ ซึ่งจะส่งผลลบต่อภาพรวมต่อธุรกิจทีวีดาวเทียมได้ จากปัจจุบันมีช่องทีวีดาวเทียมทั่วประเทศกว่า 500 ช่อง แต่มีเพียง 85ช่องที่เป็นสมาชิกอยู่ในสมาคมทีวีดาวเทียมฯ ส่วนสาเหตุหลักที่มีสมาชิกน้อยอยู่ เพราะมาตรการการคัดกรองการเข้าเป็นสมาชิกนั้นค่อนข้างเข้มงวดเพื่อมาตรฐานของวงการนั่นเอง เช่น จะต้องมีการออกอากาศอย่างน้อย 12 เดือนก่อน จึงจะสามารถสมัครเป็นสมาชิกได้ และที่ผ่านมาส่วนใหญ่ช่องใหม่ๆที่เกิดขึ้นยังมีอายุการให้บริการไม่ครบ 1 ปี
3.กฎหมาย ยังมีอยู่ 2-3 มาตราที่ขัดต่อการดำเนินธุรกิจทีวีดาวเทียม ซึ่งสมาคมฯจะต้องเดินหน้าเรียกร้องให้ทาง กสทช.เข้าใจและเห็นใจ เช่น ระเบียบที่ออกโดย กสทช. ว่าช่องทีวีดาวเทียมควรจัดอยู่ในหมวดใด และใครที่จะมากำกับดูแล ที่สำคัญอยากผลักดันให้สมาคมฯนั้นเป็นองค์กรที่สามารถดูแลสมาชิกกันเองได้มากกว่า 4. ทำอย่างไร ช่องทีวีดาวเทียม จึงจะเป็นองค์กรหรือกลุ่มธุรกิจที่มีความสำคัญในอุตสาหกรรมสื่อ และอยู่เหนือความขัดแย้งของเทคโนโลยีที่จะเข้ามาในอนาคตต่อไป
นี่คือ 4 ประเด็นหลัก เบื้องต้นที่รอนายกฯคนใหม่หรืออาจจะเป็นคนเก่าก็ได้เข้ามาสานต่อ
ว่าไปแล้ว เก้าอี้ นายกสมาคมฯ ตัวนี้ ถ้าจะร้อนก็ขอให้ร้อนด้วยพลังไฟที่จะผลักดันให้สมาคมทีวีดาวเทียมฯถือกำเนิดขึ้นได้จริงๆ ไม่ใช่ร้อนเพราะการแย่งชิงซึ่งอำนาจและผลประโยชน์
...สุดท้ายใครจะนั่งเก้าอี้ตัวนี้ต่อไป ต้องจับตาดูให้ดี