ASTVผู้จัดการรายวัน - เว็บไซต์ “ผู้จัดการ-สนุก” ตีคู่เบียดนั่งบัลลังก์เจ้าโฆษณาบนออนไลน์ “ท้อปสเปซ” มั่นใจสิ้นปีโฆษณาบนออนไลน์โต 30% เหตุคอนเทนต์วิดีโอ แอปพลิเคชันมาแรง พร้อมแรงผลักจากเอเยนซีโฆษณา ล่าสุด ลูกค้าล้น เล็งปรับราคาขึ้น ก.ค.นี้
นายกษมาช นีรปัทมะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ท้อปสเปซ (ประเทศไทย) จำกัด บริหารสื่อออนไลน์ บริษัทในเครือเว็บไซต์สนุก ดอท คอม เปิดเผยว่า จากตัวเลขของทาง นีลสัน กรุ๊ปพบว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาในสื่อออนไลน์ปี 2554 มีมูลค่าประมาณ 1.5-2% ของภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาทั้งระบบที่มีมากกว่า 1 แสนล้านบาท (สำรวจจากท็อป 20 เว็บไซต์) ในปีนี้ มั่นใจว่า ตลาดโฆษณาออนไลน์จะเติบโตขึ้นอีก 30% มาจาก 4 ปัจจัยหลัก คือ
1.คอนเทนต์วิดีโอที่มีความน่าสนใจ และน่าติดตามมากกว่าภาพนิ่ง ที่มาพร้อมเทคโนโลยีปัจจุบันที่สามารถรับชมได้มากขึ้น เช่น 3G เป็นต้น 2.แอปพลิเคชัน ที่เติบโตไปพร้อมสมาร์ทโฟน โดยปีนี้จะมีผู้ใช้กว่า 82% ของประชากรทั้งหมด จากปีก่อนอยู่ที่ 60% 3.คอนเทนต์สปอนเซอร์ชิป หมายถึงลูกค้าต้องการสร้างแบรนด์ในสื่อออนไลน์สูงขึ้น และ 4.การผลักดันของ มีเดีย เอเยนซี ที่พบว่า ใน 1-2 ปีที่ผ่านมา เอเยนซียักษ์ใหญ่ระดับโลกเปิดนิวบิซิเนสโมเดลในกลุ่มนิวมีเดียกันเกือบหมด เมื่อเปิดบริการนี้มาแล้ว ก็จะต้องผลักดันให้ลูกค้าหันมาใช้สื่อออนไลน์มากยิ่งขึ้น โดยในแง่ของคอนเทนต์ เชื่อว่า วิดีโอจะเป็นคอนเทนต์หลักในการผลักดันให้ตลาดเติบโตขึ้น
ทั้งนี้ ยังพบด้วยว่า 5 เว็บไซต์ของไทย ที่มีรายได้จากโฆษณาสูงสุด คือ สนุก, ASTVผู้จัดการ, เอ็มไทย, กระปุก และ พันทิป โดยเฉพาะเว็บไซต์สนุก และ ASTVผู้จัดการ นั้น ถือได้ว่า เป็น 2 เว็บไซต์ที่ทำรายได้บนสื่อออนไลน์สูงสุด ขณะที่ภาพรวมของเว็บไซต์สนุก พบว่า หน้าเพจแรกจะเป็นหน้าเพจหลักในการสร้างรายได้ ส่วนหน้าเพจที่มีการเข้าชมมากที่สุดคือ หน้าเพจข่าว หรือมีจำนวนการเข้าชมที่ 175 เพจวิวต่อเดือน โดยในหน้าเพจแรกนั้น โฆษณาที่เรียกว่า แบรนด์เนอร์พุชดาวน์ เป็นโฆษณาที่มีราคาสูงสุดอยู่ที่ 4.2 แสนบาทต่อเดือน ขณะนี้มีลูกค้าใช้บริการอยู่กว่า 15 ราย ซึ่งจากแนวโน้มที่มีลูกค้าให้ความสนใจมากนั้น ทางบริษัทมองว่าในเดือน ก.ค.ที่จะถึงนี้จะมีการปรับราคาโฆษณาขึ้นอีกครั้ง
สำหรับ ท้อปสเปซ ถือเป็น มีเดีย เอเยนซีโฆษณาที่ให้บริการแบบครบวงจร ในปีนี้มองว่า จะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกราว 30% เช่นเดียวกับภาพรวมของตลาดสื่อออนไลน์ มาจาก 3 กลุ่มลูกค้าหลัก คือ 1.เอเยนซี 50% 2.ลูกค้าที่หาเอง ที่มีอยู่ราว 20-30 ราย 35% และ 3.กลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี 15%