ASTVผู้จัดการรายวัน - คมนาคมตั้งเป้าลดสถิติอุบัติเหตุตายเหลือ 15 คน/1 แสนคน ในปีพร้อมเร่งตั้งระบบ RFID จับความเร็วรถตู้ บังคับใช้ 1 เม.ย.เล็งนำระบบ GPS ใช้เพิ่มคาด 6 เดือนสรุปผลศึกษา
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมตั้งเป้าลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุให้เหลือ 15 คนต่อ 1 แสนคน ภายในระยะ 5 ปี จากปัจจุบันที่มีอัตราการเสียชีวิตประมาณ 23 คนต่อ 1 แสนคน โดยในปี 2553 มีผู้เสียชีวิต 13,766 คน ปี 2554 มีประมาณ 20,000 คน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้มีอายุระหว่าง 15-29 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ระดับ ปวช. ปวส.และอุดมศึกษา รวมถึงกลุ่มคนทำงาน โดยอุบัติเหตุส่วนใหญ่ประมาณ 80% มาจากความประมาท ซึ่งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อประเทศประมาณ 1 แสนล้านบาทต่อปี โดยรถจักรยานยนต์เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด การแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ จึงจะเป็นการเร่งสร้างปลูกจิตสำนึกให้กลุ่มที่มีอายุระหว่าง 15-29 ปี เคารพและปฏิบัติตามกฎจราจรมากยิ่งขึ้น
สำหรับความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุที่เกิดจากรถตู้โดยสารสาธารณะ ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งติดตั้งระบบอาร์เอฟไอดี เพื่อติดตามและตรวจจับความเร็วบนรถตู้ และทางด่วนใน 3 จุด คือ โทลล์เวย์ มอเตอร์เวย์ เป็นต้น โดยเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 1 เมษายน โดยมยังอยู่ระหว่างพิจารณาเทคโนโลยี GPS ซึ่งเป็นการติดตามรถยนต์ผ่านดาวเทียมโดยเรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องใหม่ จะต้องพิจารณารายละเอียดอย่างรอบคอบ เพราะต้องใช้งบประมาณดำเนินการสูง คาดว่าภายในระยะเวลา 6 เดือนนับจากนี้ จะมีความชัดเจนว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ และหากดำเนินการจะดำเนินการในรูปแบบไหน
นายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งติดตั้งระบบ RFID บนรถตู้โดยสารสาธารณะที่มีอยู่ประมาณ 10,000 คันให้แล้วเสร็จ รวมถึงระบบที่จะติดตั้งบนทางด่วนเพื่อวัดความเร็วของรถตู้โดยสารทุกคันที่วิ่งผ่่าน โดยยันยันว่าจะแล้วเสร็จก่อนวันที่ 1 เมษายนอย่างแน่นอน หลังจากนั้น จะจับปรับอย่างเข้มงวด หากพบว่ามีการกระทำผิด ครั้งแรกจะปรับ 5,000 บาท หากกระทำผิดซ้ำเป็นครั้งที่ 2 จะปรับ 10,000 บาท พร้อมกับถอนรถตู้ที่กระทำผิดออกจากระบบการให้บริการ โดยหลังจากบังคับใช้กับรถตู้โดยสารแล้ว จะใช้กับรถบัส รถทัวร์ และรถโดยสารสาธารณะอื่นๆ ต่อไป ส่วนการติดตั้งระบบ GPS อยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดโดยนำผลการศึกษาที่เคยศึกษาก่อนหน้านี้มาพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากต้องใช้งบประมาณสูง ภายใน 6 เดือนจะมีความชัดเจน
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมตั้งเป้าลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุให้เหลือ 15 คนต่อ 1 แสนคน ภายในระยะ 5 ปี จากปัจจุบันที่มีอัตราการเสียชีวิตประมาณ 23 คนต่อ 1 แสนคน โดยในปี 2553 มีผู้เสียชีวิต 13,766 คน ปี 2554 มีประมาณ 20,000 คน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้มีอายุระหว่าง 15-29 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ระดับ ปวช. ปวส.และอุดมศึกษา รวมถึงกลุ่มคนทำงาน โดยอุบัติเหตุส่วนใหญ่ประมาณ 80% มาจากความประมาท ซึ่งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อประเทศประมาณ 1 แสนล้านบาทต่อปี โดยรถจักรยานยนต์เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด การแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ จึงจะเป็นการเร่งสร้างปลูกจิตสำนึกให้กลุ่มที่มีอายุระหว่าง 15-29 ปี เคารพและปฏิบัติตามกฎจราจรมากยิ่งขึ้น
สำหรับความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุที่เกิดจากรถตู้โดยสารสาธารณะ ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งติดตั้งระบบอาร์เอฟไอดี เพื่อติดตามและตรวจจับความเร็วบนรถตู้ และทางด่วนใน 3 จุด คือ โทลล์เวย์ มอเตอร์เวย์ เป็นต้น โดยเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 1 เมษายน โดยมยังอยู่ระหว่างพิจารณาเทคโนโลยี GPS ซึ่งเป็นการติดตามรถยนต์ผ่านดาวเทียมโดยเรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องใหม่ จะต้องพิจารณารายละเอียดอย่างรอบคอบ เพราะต้องใช้งบประมาณดำเนินการสูง คาดว่าภายในระยะเวลา 6 เดือนนับจากนี้ จะมีความชัดเจนว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ และหากดำเนินการจะดำเนินการในรูปแบบไหน
นายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งติดตั้งระบบ RFID บนรถตู้โดยสารสาธารณะที่มีอยู่ประมาณ 10,000 คันให้แล้วเสร็จ รวมถึงระบบที่จะติดตั้งบนทางด่วนเพื่อวัดความเร็วของรถตู้โดยสารทุกคันที่วิ่งผ่่าน โดยยันยันว่าจะแล้วเสร็จก่อนวันที่ 1 เมษายนอย่างแน่นอน หลังจากนั้น จะจับปรับอย่างเข้มงวด หากพบว่ามีการกระทำผิด ครั้งแรกจะปรับ 5,000 บาท หากกระทำผิดซ้ำเป็นครั้งที่ 2 จะปรับ 10,000 บาท พร้อมกับถอนรถตู้ที่กระทำผิดออกจากระบบการให้บริการ โดยหลังจากบังคับใช้กับรถตู้โดยสารแล้ว จะใช้กับรถบัส รถทัวร์ และรถโดยสารสาธารณะอื่นๆ ต่อไป ส่วนการติดตั้งระบบ GPS อยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดโดยนำผลการศึกษาที่เคยศึกษาก่อนหน้านี้มาพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากต้องใช้งบประมาณสูง ภายใน 6 เดือนจะมีความชัดเจน