กมธ.คมนาคม จี้ กรมการขนส่งทางบก หามาตรการป้องกันเหตุตายรายวัน วอนประชาชนร้องเรียนร่วมแก้ปัญหา ขณะที่อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เผย 1 เม.ย.นี้ เริ่มใช้ระบบ RFID ตรวจจับความเร็วรถตู้โดยสารบนทางด่วน เพื่อควบคุมไม่เกินกฎหมายกำหนด ส่วนรถบัส หากไม่วิ่งบริการจะเรียกสัมปทานได้
วันนี้ (13 ก.พ.) นายเจือ ราชสีห์ ประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีรถตู้โดยสารสาธารณะเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง และล่าสุด มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมากนั้น ว่า ทางคณะกรรมาธิการไม่ได้นิ่งนอนใจ ซึ่งก่อนหน้านี้ คณะกรรมาธิการได้เดินทางไปเยี่ยมชมการดำเนินกิจการและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของกรมการขนส่งทางบก รวมถึงความปลอดภัยของผู้โดยสาร ซึ่งยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมา กรรมาธิการได้รับเรื่องร้องเรียนจำนวนมาก
นายเจือ กล่าวว่า ในการร่วมประชุมเพื่อติดตามการดำเนินงานของกรมการขนส่งทางบก อธิบดีฯยืนยันว่า ได้ประชุมร่วมกับขนส่งจังหวัดทั่วประเทศผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยให้รถตู้โดยสารสาธารณะปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเข้มงวด เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งวันที่ 1 เม.ย.ที่จะถึงนี้ กรมการขนส่งทางบกจะเริ่มใช้ ระบบ RFID (Radio Frequency Identification) เพื่อตรวจจับความเร็วของรถตู้โดยสารสาธารณะบนทางด่วนสายต่างๆ เพื่อควบคุมความเร็วไม่เกินที่กฎหมายกำหนด นอกจากนั้น ในประเด็นรถโดยสารสาธารณะ (รถบัส) หากกรมฯให้สัมปทานเส้นทางไปแล้วไม่วิ่งให้บริการ ซึ่งกรมจะเรียกสัมปทานเส้นทางคืนต่อไป
นายเจือ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ผู้ขับรถจะต้องขับรถติดต่อกันไม่เกิน 4 ชั่วโมง ซึ่งจะต้องเปลี่ยนคนขับใหม่ เพื่อความปลอดภัยทั้งผู้ขับรถและผู้โดยสาร รวมถึงปัญหาป้ายทะเบียนกรณีป้ายแดงที่ใช้ติดรถยนต์โดยไม่ยอมเปลี่ยนเป็นป้ายขาว เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี ซึ่งอนาคตจะหมดไปเนื่องจากกรมเสนอกฎหมายยกเลิกการใช้ป้ายแดง โดยขั้นตอนอยู่ที่กฤษฎีกาพิจารณาดำเนินการอยู่
ประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม กล่าวย้ำว่า กรรมาธิการยินดีรับเรื่องร้องเรียนและความไม่ชอบมาพากลในการบริหารงาน เพื่อจะได้ทักท้วงและเสนอให้รัฐบาล และกระทรวงคมนาคมแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนและทันการณ์ เพื่อให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์สูงสุดด้วย
