จับตาบอร์ด อ.ส.ค. ประชุม ปรับราคาน้ำนมดิบสิ้นเดือนนี้ พร้อมทำเรื่องเสนอต่อสัญญานมโรงเรียนอีก 3 ปีจากเดิมจะหมดสัญญา ก.ค.ปี 2556 เปิดแผนรับมือเออีซี เร่งขยายไลน์พาสเจอร์ไรซ์
นายนพดล ตันวิเชียร รองผู้อำนวยการ รักษาการ ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เจ้าของผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ก (นมวัวแดง) กล่าวว่า คณะกรรมการอ.ส.ค.เตรียมประชุมพิจารณาปรับราคาน้ำนมดิบปลายเดือนก.พ.นี้ แต่คาดว่าการประชุมครั้งนี้คงจะไม่มีการปรับราคาขึ้น เพราะต้นทุนปรับเพิ่มเล็กน้อยไม่เกิน 5 -10 สตางค์ ยังอยู่ในภาวะที่รับได้ แต่หากต้นทุนปรับเพิ่มขึ้น 50 สตางค์ถึง 1 บาทก็จำเป็นต้องปรับราคาน้ำนมดิบขึ้น จากครั้งล่าสุดที่ปรับขึ้นไปเมื่อเดือนมี.ค.ปีที่แล้ว จาก 17 บาทเป็น 18 บาท
นอกจากนี้อยู่ระหว่างทำแผนนมโรงเรียนเสนอให้รมว.เกษตรและสหกรณ์ พิจารณาในต้นปี 2556 และเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเสนอต่ออายุสัญญาให้ อ.ค.ส.จำหน่ายนมโรงเรียนต่ออีก 3 ปี โดยมติครม.เดิมสัญญาจะหมดอายุในวันที่ 30 ก.ย. 2556 คณะกรรมการอสค. ได้อนุมัติเห็นชอบในหลักการเมื่อปลายเดือนธ.ค.ที่ผ่านมาที่ อสค. เสอนปรับลดเป้ารายได้ปีงบประมาณ 2555 (ต.ค.54 - ก.ย.55) เหลือ 6,300 ล้านบาท เติบโต 8% จากปีที่แล้ว จากเดิมตั้งเป้าหมาย 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็นนมพาณิชย์ 4,400 ล้านบาท นมโรงเรียน 1,800 ล้านบาท ส่วนกำไรปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 400 ล้านบาท
“แม้ว่าตลาดรวมของอุตสาหกรรมนมในเมืองไทยมีมูลค่า 40,000 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 8% แต่ตอนนี้เราเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงยิ่งขึ้น ทั้งการเปิดเขตการค้าเสรี กับ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ซึ่งจะมีผลให้การนำเข้านมผงจากทั้งสองประเทศภาษีเป็น 0% ในปี 2568 และการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558 อสค.จึงต้องสร้างความมั่นคงเข้มแข็งให้เกิดขึ้นกับกลุ่มเกษตรกร ผู้เลี้ยงโคนมและความมั่นคงด้านอาหารของไทย ”
การรับมือกับ AEC นั้น เริ่มมาแล้วเป็นระยะเช่น ปรับเปลี่ยนการเลี้ยงโคนมอินทรีย์ หรือการเปิดตลาดต่างประเทศเราได้ตั้งตัวแทนจำหน่ายทั้งในลาว กัมพูชา และจะเพิ่มขยายไปยังประเทศอื่นๆมากยิ่งขึ้น และ อ.ส.ค.จะเร่งเพิ่มพื้นที่ปลูกหญ้า กระถิน ข้าวโพด มันสำปะหลัง ถั่วเหลืองอินทรีย์ที่ปราศจากการตัดแต่งพันธุกรรมหรือ GMOและเพิ่มการซื้อรำข้าวอินทรีย์จากเกษตรกรมากยิ่งขึ้นเพื่อมาเป็นอาหารให้กับโคนมอินทรีย์ รวมทั้งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ผลิตนมสดพาสเจอร์ไรส์มากขึ้น ทั้งโยเกิร์ต และไอศกรีม จากนมสด 100% การตลาดจะเพิ่มการจำหน่ายสินค้าในกลุ่มนี้ไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาทปี ภายในระยะเวลา 5 ปี แม้ว่าปัจจุบันจะเพิ่มขึ้นเป็น 14 ลิตรต่อคนต่อปี แต่ในประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สิงคโปร์ดื่มถึง 50 ลิตรต่อคนต่อปี มาเลเซีย 20 ลิตรต่อคนต่อปีเรามองว่าโอกาสในการขยายตลาดในนมพาสเจอร์ไรส์ยังมีอยู่มาก
นายนพดล ตันวิเชียร รองผู้อำนวยการ รักษาการ ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เจ้าของผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ก (นมวัวแดง) กล่าวว่า คณะกรรมการอ.ส.ค.เตรียมประชุมพิจารณาปรับราคาน้ำนมดิบปลายเดือนก.พ.นี้ แต่คาดว่าการประชุมครั้งนี้คงจะไม่มีการปรับราคาขึ้น เพราะต้นทุนปรับเพิ่มเล็กน้อยไม่เกิน 5 -10 สตางค์ ยังอยู่ในภาวะที่รับได้ แต่หากต้นทุนปรับเพิ่มขึ้น 50 สตางค์ถึง 1 บาทก็จำเป็นต้องปรับราคาน้ำนมดิบขึ้น จากครั้งล่าสุดที่ปรับขึ้นไปเมื่อเดือนมี.ค.ปีที่แล้ว จาก 17 บาทเป็น 18 บาท
นอกจากนี้อยู่ระหว่างทำแผนนมโรงเรียนเสนอให้รมว.เกษตรและสหกรณ์ พิจารณาในต้นปี 2556 และเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเสนอต่ออายุสัญญาให้ อ.ค.ส.จำหน่ายนมโรงเรียนต่ออีก 3 ปี โดยมติครม.เดิมสัญญาจะหมดอายุในวันที่ 30 ก.ย. 2556 คณะกรรมการอสค. ได้อนุมัติเห็นชอบในหลักการเมื่อปลายเดือนธ.ค.ที่ผ่านมาที่ อสค. เสอนปรับลดเป้ารายได้ปีงบประมาณ 2555 (ต.ค.54 - ก.ย.55) เหลือ 6,300 ล้านบาท เติบโต 8% จากปีที่แล้ว จากเดิมตั้งเป้าหมาย 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็นนมพาณิชย์ 4,400 ล้านบาท นมโรงเรียน 1,800 ล้านบาท ส่วนกำไรปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 400 ล้านบาท
“แม้ว่าตลาดรวมของอุตสาหกรรมนมในเมืองไทยมีมูลค่า 40,000 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 8% แต่ตอนนี้เราเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงยิ่งขึ้น ทั้งการเปิดเขตการค้าเสรี กับ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ซึ่งจะมีผลให้การนำเข้านมผงจากทั้งสองประเทศภาษีเป็น 0% ในปี 2568 และการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558 อสค.จึงต้องสร้างความมั่นคงเข้มแข็งให้เกิดขึ้นกับกลุ่มเกษตรกร ผู้เลี้ยงโคนมและความมั่นคงด้านอาหารของไทย ”
การรับมือกับ AEC นั้น เริ่มมาแล้วเป็นระยะเช่น ปรับเปลี่ยนการเลี้ยงโคนมอินทรีย์ หรือการเปิดตลาดต่างประเทศเราได้ตั้งตัวแทนจำหน่ายทั้งในลาว กัมพูชา และจะเพิ่มขยายไปยังประเทศอื่นๆมากยิ่งขึ้น และ อ.ส.ค.จะเร่งเพิ่มพื้นที่ปลูกหญ้า กระถิน ข้าวโพด มันสำปะหลัง ถั่วเหลืองอินทรีย์ที่ปราศจากการตัดแต่งพันธุกรรมหรือ GMOและเพิ่มการซื้อรำข้าวอินทรีย์จากเกษตรกรมากยิ่งขึ้นเพื่อมาเป็นอาหารให้กับโคนมอินทรีย์ รวมทั้งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ผลิตนมสดพาสเจอร์ไรส์มากขึ้น ทั้งโยเกิร์ต และไอศกรีม จากนมสด 100% การตลาดจะเพิ่มการจำหน่ายสินค้าในกลุ่มนี้ไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาทปี ภายในระยะเวลา 5 ปี แม้ว่าปัจจุบันจะเพิ่มขึ้นเป็น 14 ลิตรต่อคนต่อปี แต่ในประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สิงคโปร์ดื่มถึง 50 ลิตรต่อคนต่อปี มาเลเซีย 20 ลิตรต่อคนต่อปีเรามองว่าโอกาสในการขยายตลาดในนมพาสเจอร์ไรส์ยังมีอยู่มาก