ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- นักวิทยาศาสตร์เวียดนาม เป็นงงกับต้นกล้วยยักษ์ที่เกิดขึ้นมาเองอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยในหลายจังหวัดของประเทศ และกำลังศึกษาสาเหตุความเป็นมาและเป็นไปของเรื่องนี้ ขณะที่หลายฝ่ายสงสัยว่า ปรากฏการณ์นี้เกี่ยวข้องกับการใช้สารเคมีของทัพสหรัฐฯ ในช่วงปีแห่งสงครามหรือไม่
ในขณะเดียวกัน เกษตรในหลายจังหวัดเริ่มนำ “กล้วยร้อยหวี” พวกนี้ไปขยายพันธุ์และปลูกกันต่อๆ ไป โดยที่ยังไม่มีกฎระเบียบใดออกมาควบคุม หนังสือพิมพ์ในเวียดนามรายงาน
หนังสือเหงื่อยลาวดง (Người Lao Động) หรือ “คนงาน” รายงานการพบกล้วยร้อยหวีต้นล่าสุดในเขตบ้านเรือนบ้านของราษฎรคนหนึ่งในคอมมูนลองหาย (Long Hải) อ.ฟุกวี๋ (Phú Quý) จ.บี่งทวน (Bình Thuận) ที่มีลำต้นใหญ่โตแข็งแรงและให้ผลถึง 176 หวี ซึ่งทำให้มีผู้คนสนใจเดินทางไปดูเป็นจำนวนมาก
เดือนที่แล้วราษฎรอีกครอบครัวหนึ่งใน จ.กว๋างหงาย (Quảng Ngãi) ในภาคกลางก็พบมีต้นกล้วยขนาดสูง 2.5 เมตร โผล่ขึ้นมาในสวนหลังบ้าน และให้ลูกถึง 150 หวี เหนือขึ้นไปใน จ.ห่าตี๋ง (Hà Tĩnh) ราษฎรครอบครัวหนึ่งกำลังขยายพันธุ์ต้นกล้วยยักษ์สูง 2.5 เมตร หลังจากพบต้นแรกกำลังให้ผลถึง 151 หวี
หนังสือพิมพ์ฉบับนี้รายงานอีกว่าปีที่แล้วพบกล้วยร้อยหวีในอีกหลายจังหวัดที่ราบปากแม่น้ำโขง ต้นปีนี้ยังพบสับปะรดประหลาดที่มีลำต้นงอกขึ้นสูงกว่า 20 เมตร
.
.
การปลูกพืชให้ผลที่มีขนาดใหญ่โตผิดแผกจากธรรมชาติกำลังได้รับความนิยมจากเกษตรกรในเวียดนาม ชาวสวนในเมืองด่าลัต (Đà Lạt) จ.เลิมโด่ง (Lâm Đồng) ปลูกฟักทองยักษ์ที่ให้ลูกมีน้ำหนักเกือบ 100 กก.แต่ก็เป็นเรื่องที่อธิบายได้ เพราะนำเอาพันธุ์ตัดแต่งพันธุกรรมไปจากสหรัฐฯ
แต่ นายเหวียน-หว่าง-อแวง (Nguyễn Hoàng Oanh) วัย 72 ปี เป็นเกษตรกรที่มีชื่อเสียงใน จ.ซ๊อกจาง (Sóc Trăng) ซึ่งอยู่ในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขง พืชผลยักษ์หลายชนิดจากสวนเคยได้รับรางวัลการประกวดระดับชาติมาแล้ว รวมทั้งต้นกล้วยที่ให้ผล 42 หวีแต่ละหวีมีน้ำหนักกว่า 1 กก. ซึ่งถูกนำไปโฆษณาของปุ๋ยเคมียี่ห้อหนึ่ง
ในสวนของนายอแวงเคยปลูกมันเทศสีม่วงได้หัวหนึ่งน้ำหนักถึง 60 กก. แต่โดยเฉลี่ยมันเทศจากสวนนี้จะมีน้ำหนัก 3 กก.ต่อหัว และได้รับความนิยมอย่างมากจากบรรดาผู้ค้าผู้ขาย และผู้บริโภคที่ต้องใช้คราวละมากๆ
นายอแวง ยังปลูกมีสับปะรดพันธุ์ที่ให้ลูกโตน้ำหนักถึง 7.5 กก.แต่ทั้งหมดผ่านการคัดพันธุ์มาเป็นเวลากว่า 10 ปีในสวนของตนเอง เหงื่อยลาวดง กล่าว
“ต่างกับกล้วยร้อยหวีที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้นมาเองอย่างผิดธรรมชาติและยังไม่ทราบสาเหตุ นักวิทยาศาสตร์ก็งุนงงและกำลังศึกษาหาที่มาที่ไป” หนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกัน กล่าว
