กรุงเทพโพล เผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ต่อนโยบายราคาน้ำมันของรัฐบาลยิงลักษณ์ โดยประเมิน 5 เดือนผลงานด้านพลังงานอยู่ในระดับ “แย่ถึงแย่มาก” ระบุ ต้นเหตุเกิดจากตลาดมีผู้ขายน้อยราย หรือเกือบผูกขาด ส่งผลให้การกำหนดราคาไม่เป็นธรรม ผู้บริโภคไม่ทราบที่มาอย่างชัดเจนในการปรับขึ้นราคาน้ำมันแต่ละครั้ง ทั้งขึ้นเร็วลงช้า กังขาตอนขึ้น 60 สตางค์ แต่ปรับลงแค่ 50 สตางค์ เพราะรัฐมุ่งสนองเป้าหมายเพื่อภาคธุรกิจเป็นหลัก คาด ราคาน้ำมันแพงในปัจจุบัน จะสร้างแรงกดดันเงินเฟ้อในรอบใหม่
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพล) เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์จากองค์กรชั้นนำ 32 แห่ง จำนวน 72 คน เรื่อง 5 เดือนรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ กับนโยบายพลังงาน โดยเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 17-24 มกราคม 2555 ที่ผ่านมา ซึ่งผลการสำรวจพบว่า นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำ 62.5% ประเมินผลการดำเนินนโยบายด้านพลังงานของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ มีผลงานอยู่ในระดับแย่ถึงแย่มาก มีเพียงร้อยละ 13.9 เท่านั้นที่เห็นว่ามีผลงานอยู่ในระดับดี
ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คิดเป็น 66.7% เห็นว่าตลาดน้ำมันสำเร็จรูปของไทยในปัจจุบัน ยังคงเป็นตลาดผู้ขายน้อยราย (oligopoly) แต่ก็มีนักเศรษฐศาสตร์จำนวนไม่น้อย หรือคิดเป็น 22.2% เชื่อว่า เป็นตลาดผูกขาด (monopoly) ซึ่งแตกต่างจากแนวคิดทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ที่ได้บัญญัติไว้
เมื่อสอบถามถึงความเป็นธรรมในระบบการปรับราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปในปัจจุบันที่มีต่อผู้บริโภค นักเศรษฐศาสตร์จำนวน 44.4% เห็นว่า ไม่เป็นธรรม โดยให้เหตุผลที่สำคัญว่า ผู้บริโภคไม่ทราบที่มาที่ไปอย่างชัดเจนในการปรับขึ้นราคาน้ำมันแต่ละครั้ง อีกทั้งยังสังเกตเห็นว่าช่วงที่ราคาน้ำมันปรับขึ้นก็จะขึ้นเร็ว แต่หากปรับราคาลงก็จะปรับช้า หรือปรับขึ้นครั้งละ 60 สตางค์ต่อลิตรแต่ปรับลงแค่ 50 สตางค์ต่อลิตร ทำให้สามารถสรุปได้ว่าการบิดเบือนราคายังคงมีอยู่ ขณะที่ร้อยละ 23.6 เชื่อว่าระบบการปรับราคาดังกล่าวมีความเป็นธรรม
เมื่อสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาเชื้อเพลิงธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) เพื่อให้สอดคล้องกับกลไกตลาดและต้นทุนที่แท้จริง นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ 66.7% ระบุว่า “เห็นด้วย” ในจำนวนนี้ 50.0% ยังเห็นด้วยกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2554 ที่ให้ทยอยปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซ NGV เดือนละ 0.50 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ขณะเดียวกันก็มี 23.6% ไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์จำนวน 41.7% เชื่อว่า นโยบายการปรับราคาก๊าซ NGV ของกระทรวงพลังงานดังกล่าวมุ่งสนองเป้าหมายเพื่อภาคธุรกิจเป็นหลัก รองลงมา 33.3% เชื่อว่า มุ่งให้เกิดความเป็นธรรมทั้งภาคธุรกิจกับผู้บริโภค
ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์มากถึง 80.6% เชื่อว่า มีโอกาสมากที่การปรับราคาพลังงาน ทั้งน้ำมันสำเร็จรูป ก๊าซ NGV และก๊าซหุงต้ม (LPG) จะสร้างแรงกดดันเงินเฟ้อระลอกใหม่
