“สุกำพล” กำชับคดี “สุพจน์” หากผิดจริงให้ดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม เตรียมคุยผู้ประกอบการ หลังราคาดีเซลทะลุ 30 บาท “เจ๊เกียว” ลั่นยังไม่ขึ้นค่าโดยสารรถร่วม เตรียมดูท่าที “คมนาคม” ก่อนตัดสินใจ
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณี นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าให้ข้อมูล กับนายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงวานนี้ โดยระบุว่า ไม่มีความเห็นในเรื่องนี้ ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งไม่มีการเร่งรัดคดี แต่ได้กำชับไปก่อนหน้านี้แล้วว่า ต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด ถ้าพบนายสุพจน์ มีความผิดจริง ให้ดำเนินการตามขั้นตอน
สำหรับตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ว่างลงนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยอมรับว่า ขณะนี้ ตนเองมีชื่อบุคคลเตรียมไว้แล้วถ้าผลสรุปคดีพบว่า นายสุพจน์มีความผิดจริง แต่ขณะนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้
ส่วนการปรับราคาน้ำมันดีเซล ขึ้น 50 สตางค์ วันนี้ มีผลให้ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 30.49 บาทนั้น ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาดีเซล ต้องการให้คมนาคมช่วยเหลือ พร้อมพูดคุยหาทางออกของปัญหาที่เกิดขึ้น
นางสุจินดา เชิดชัย (เจ๊เกียว) นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารแห่งประเทศไทย ระบุว่า ตอนนี้รถโดยสารจะยังไม่เรียกร้องปรับขึ้นค่าโดยสาร รถร่วม บขส.ในขณะนี้ แม้ว่า ราคาน้ำมันดีเซล จะพุ่งทะลุเกิน 30 บาทต่อลิตร เพราะต้องรอฟังทิศทางจาก พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ก่อนว่าจะมีแนวทางอย่างไร
ทั้งนี้ การปรับขึ้นค่าโดยสารของกลุ่มรถร่วม บขส.ได้ปรับเพิ่มขึ้น 2 สตางค์ต่อกิโลเมตร มาครั้งล่าสุด เมื่อเดือนกันยายน 2554 เนื่องจากราคาน้ำมันมีความผันผวนและเพิ่มขึ้นจนแตะระดับ 28 บาทต่อลิตร
นางภัทรวดี กล่อมจรูญ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง ยืนยันว่า จะยังไม่ปรับขึ้นราคาค่าโดยสารรถร่วม ขสมก.กว่า 3,600 คัน ในช่วงนี้ แต่อยากให้รัฐบาลช่วยควบคุมราคาอะไหล่ยนต์ ยางรถยนต์ หรือ แบตเตอรี่ ที่ปรับเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 20-40 ในปัจจุบัน
เช่นเดียวกับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจรถโดยสารสาธารณะ อาทิ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ต่างก็ไม่มีนโยบายจากกระทรวงคมนาคม ให้มีการปรับขึ้นราคาค่าโดยสารเช่นกัน
