ASTVผู้จัดการรายวัน - กรอ.ท่องเที่ยว เห็นชอบในหลักการ กลยุทธ์ 4 อาร์ หนุนท่องเที่ยวโกยรายได้ 2 ล้านล้านบาท ในปี 2558 ทททงเสนอ ผุดเมกกะโปรเจค ประเดิมปัดฝุ่น 2 โครงการ ไทยแลนด์ริเวียร่า และ วอเตอร์ฟร้อนซ์ จากแผนส่งเสริมการท่องเที่ยว 8 คลัสเตอร์ ย้ำ ถ้ายังขายของเก่า ไม่มีหวังโกยเงินล้าน ด้าน “ชุมพล” ชอบใจ ไฟเขียว เอกชนรายไหนสนใจลงทุน เอาสิทธิ์บีโอไอไปเลย มั่นใจ ภายในปี 55 ได้เห็นเป็นรูปธรรม
(วานนี้ 28 ธ.ค.54) หลังการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดพัฒนาการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นคณะทำงานร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน(กรอ.)ด้านการท่องเที่ยว โดย นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชองในหลักการ ตามที่ นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง นำเสนอเรื่องแผนการสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาท ในปี 2558 ตามยุทธศาสตร์การทำงานของรัฐบาล
โดยแผนดังกล่าวในเสนอให้รัฐบาลและกระทรวงการท่องเที่ยวฯดำเนินการในแผน 4 อาร์ ได้แก่ RE-Think คือปรับกระบวนความคิดในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวใหม่ ,RE-Structure คือ ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม ปรับทิศทางการดำเนินงาน และ ปรับวิชั่นด้านการท่องเที่ยว ,RE-Organize คือ ปรับโครงสร้างและระบบการทำงานด้านการท่องเที่ยว ทั้งในหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวและภายนอกหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชน และ RE-Invest สนับสนุนให้เกิดการลงทุนใหม่ๆ ใหญ่ๆ ด้วยการสร้างสินค้าทางการท่องเที่ยวที่ใหญ่และใหม่ เป็นเมกกะโปรเจค เพื่อเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยว ซึ่งแผนทั้ง 4 อาร์ ต้องจัดทำเป็นแผน 3 ระยะ คือ สั้น กลาง และยาว
ในส่วนของ RE-Invest ททท.เสนอให้กระทรวง นำเมกกะโปรเจค ตามแผน 8 คลัสเตอร์ท่องเที่ยวมาดำเนินการต่อให้เสร็จ ประเดิม 2 โครงการใหญ่ ให้เห็นเป็นรูปธรรมภายในปี 2555 ได้แก่ โครงการ พัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกของอ่าวไทย คือ ไทยแลนด์ ริเวียร่า และ โครงการ วอร์เตอร์ฟร้อนท์ ซึ่งจะมี 2 รูปแบบ คือ โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมริมแม่น้ำ และโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำในรูปแบบเรือสำราญหรือ ครุยส์ ซึ่งหากรัฐบาลไม่มีงบลงทุน ก็ให้ทำเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน และเปิดให้ภาคเอกชนที่สนใจเป็นผู้ลงทุน โดยได้รับสิทธิส่งเสริมการลงทุนจาก บีโอไอ ซึ่งในประเด็นนี้ นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงการท่องเที่ยว ระบุว่า ถ้าเอกชนสนใจลงทุน กระทรวงจะช่วยผลักดันให้ได้สิทธิ์บีโอไอไปเลย
และเพื่อให้สอดคล้องกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายใต้โครงการ มิราเคิล ไทยแลนด์เยียร์ ปี 2555 ททท.ยังได้เสนอให้ รัฐบาลสนบัสนุเทศกาลงานประเพญีที่มีศักยภาพ ผลักดันให้เป็นเวิลด์อีเวนต์ ได้แก่ เทศกาล สงกรานต์ ลอยกระทง เทศกาลอาหารไทย พร้อมกันนี้ยังเสนอแนวคิดให้สร้าง เมืองช้าง (เอเลฟเฟ่น เวิลด์) รวบรวมทุกเรื่องเกี่ยวกับช้าง รวมถึงสร้างโรงแรมภายใต้แนวคิดเกี่ยวกับช้าง เพราะช้างเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของไทยที่ทั่วโลกรู้จักดี
“ แผนงานทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นข้อสรุปของคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง ซึ่งมีตัวแทนจากภาครัฐและเอกชนหารือร่วมกัน ซึ่งเหตุและผลของการคิดใหญ่ทำใหญ่ครั้งนี้ ททท. ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า หากรัฐบาลต้องการมีรายได้ท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาท ในปี 58 ตามนโยบายที่วางไว้ แต่หากต้องใช้ สินค้าและแนวทางการทำงานแบบเดิมๆ ที่มีอยู่แล้วนั้นไม่มีทางสำเร็จแน่นอน แต่จะต้องมีเมกกะโปรเจก ที่สดใหม่ มาสร้างความน่าสนใจดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มการจับจ่ายนักท่องเที่ยว จึงเห็นผล “
นายวัชระ กล่าวอีกว่า วันนี้ถือเป็นการเห็นชอบในหลักการขงแผนมาสเตอร์แพลน ซึ่ง ททท.จะต้องกลับไปจัดทำแผนปฎิบัติการ แผนบริหารจัดการ และกำกับการให้เป็นไปตามแผนงานหลัก โดย กรอ. ท่องเที่ยว จะมีการประชุมครั้งหน้า ต้นเดือนมกราคม เพื่อติดตามการทำงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากรัฐลงทุนเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะใช้โครงการละประมาณ 200 ล้านบาท ก็มีความเป็นไปได้สูง
อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุม เอกชน ยังแสดงความเป็นห่วง และ ต้องการให้กระทรวงช่วยแก้ไข คือ กระบวนการผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ของไทย โดยเฉพาะที่ด่านสนามบิน สุวรรณภูมิ ที่มีปัญหาการให้บริการล่าช้า เพราะเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ ซึ่งในเดือนม.ค.นี้ จะมีเที่ยวบินเช่าเหมาลำ(ชาร์เตอร์ไฟล์ท) เข้ามากว่า 100 ลำ จึงห่วงว่าหากไม่แก้ไข จะทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความไม่ประทับใจ กระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศ ซึ่งในที่ประชุม นายชุมพล ศิลปอาชา รับปากว่าจะนำเรื่องนี้ไปหารือกับร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บังคับบัญชาการตำรวจแห่งชาติเพื่อหาทางแก้ไข เบื้องต้น ขอให้มีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนด้วยการให้ททท. ส่งเจ้าหน้าที่ไปดูแล ใกล้ชิดในทุกเที่ยวบินชาร์เตอร์ไฟล์ทที่เข้ามา
(วานนี้ 28 ธ.ค.54) หลังการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดพัฒนาการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นคณะทำงานร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน(กรอ.)ด้านการท่องเที่ยว โดย นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชองในหลักการ ตามที่ นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง นำเสนอเรื่องแผนการสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาท ในปี 2558 ตามยุทธศาสตร์การทำงานของรัฐบาล
โดยแผนดังกล่าวในเสนอให้รัฐบาลและกระทรวงการท่องเที่ยวฯดำเนินการในแผน 4 อาร์ ได้แก่ RE-Think คือปรับกระบวนความคิดในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวใหม่ ,RE-Structure คือ ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม ปรับทิศทางการดำเนินงาน และ ปรับวิชั่นด้านการท่องเที่ยว ,RE-Organize คือ ปรับโครงสร้างและระบบการทำงานด้านการท่องเที่ยว ทั้งในหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวและภายนอกหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชน และ RE-Invest สนับสนุนให้เกิดการลงทุนใหม่ๆ ใหญ่ๆ ด้วยการสร้างสินค้าทางการท่องเที่ยวที่ใหญ่และใหม่ เป็นเมกกะโปรเจค เพื่อเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยว ซึ่งแผนทั้ง 4 อาร์ ต้องจัดทำเป็นแผน 3 ระยะ คือ สั้น กลาง และยาว
ในส่วนของ RE-Invest ททท.เสนอให้กระทรวง นำเมกกะโปรเจค ตามแผน 8 คลัสเตอร์ท่องเที่ยวมาดำเนินการต่อให้เสร็จ ประเดิม 2 โครงการใหญ่ ให้เห็นเป็นรูปธรรมภายในปี 2555 ได้แก่ โครงการ พัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกของอ่าวไทย คือ ไทยแลนด์ ริเวียร่า และ โครงการ วอร์เตอร์ฟร้อนท์ ซึ่งจะมี 2 รูปแบบ คือ โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมริมแม่น้ำ และโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำในรูปแบบเรือสำราญหรือ ครุยส์ ซึ่งหากรัฐบาลไม่มีงบลงทุน ก็ให้ทำเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน และเปิดให้ภาคเอกชนที่สนใจเป็นผู้ลงทุน โดยได้รับสิทธิส่งเสริมการลงทุนจาก บีโอไอ ซึ่งในประเด็นนี้ นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงการท่องเที่ยว ระบุว่า ถ้าเอกชนสนใจลงทุน กระทรวงจะช่วยผลักดันให้ได้สิทธิ์บีโอไอไปเลย
และเพื่อให้สอดคล้องกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายใต้โครงการ มิราเคิล ไทยแลนด์เยียร์ ปี 2555 ททท.ยังได้เสนอให้ รัฐบาลสนบัสนุเทศกาลงานประเพญีที่มีศักยภาพ ผลักดันให้เป็นเวิลด์อีเวนต์ ได้แก่ เทศกาล สงกรานต์ ลอยกระทง เทศกาลอาหารไทย พร้อมกันนี้ยังเสนอแนวคิดให้สร้าง เมืองช้าง (เอเลฟเฟ่น เวิลด์) รวบรวมทุกเรื่องเกี่ยวกับช้าง รวมถึงสร้างโรงแรมภายใต้แนวคิดเกี่ยวกับช้าง เพราะช้างเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของไทยที่ทั่วโลกรู้จักดี
“ แผนงานทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นข้อสรุปของคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง ซึ่งมีตัวแทนจากภาครัฐและเอกชนหารือร่วมกัน ซึ่งเหตุและผลของการคิดใหญ่ทำใหญ่ครั้งนี้ ททท. ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า หากรัฐบาลต้องการมีรายได้ท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาท ในปี 58 ตามนโยบายที่วางไว้ แต่หากต้องใช้ สินค้าและแนวทางการทำงานแบบเดิมๆ ที่มีอยู่แล้วนั้นไม่มีทางสำเร็จแน่นอน แต่จะต้องมีเมกกะโปรเจก ที่สดใหม่ มาสร้างความน่าสนใจดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มการจับจ่ายนักท่องเที่ยว จึงเห็นผล “
นายวัชระ กล่าวอีกว่า วันนี้ถือเป็นการเห็นชอบในหลักการขงแผนมาสเตอร์แพลน ซึ่ง ททท.จะต้องกลับไปจัดทำแผนปฎิบัติการ แผนบริหารจัดการ และกำกับการให้เป็นไปตามแผนงานหลัก โดย กรอ. ท่องเที่ยว จะมีการประชุมครั้งหน้า ต้นเดือนมกราคม เพื่อติดตามการทำงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากรัฐลงทุนเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะใช้โครงการละประมาณ 200 ล้านบาท ก็มีความเป็นไปได้สูง
อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุม เอกชน ยังแสดงความเป็นห่วง และ ต้องการให้กระทรวงช่วยแก้ไข คือ กระบวนการผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ของไทย โดยเฉพาะที่ด่านสนามบิน สุวรรณภูมิ ที่มีปัญหาการให้บริการล่าช้า เพราะเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ ซึ่งในเดือนม.ค.นี้ จะมีเที่ยวบินเช่าเหมาลำ(ชาร์เตอร์ไฟล์ท) เข้ามากว่า 100 ลำ จึงห่วงว่าหากไม่แก้ไข จะทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความไม่ประทับใจ กระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศ ซึ่งในที่ประชุม นายชุมพล ศิลปอาชา รับปากว่าจะนำเรื่องนี้ไปหารือกับร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บังคับบัญชาการตำรวจแห่งชาติเพื่อหาทางแก้ไข เบื้องต้น ขอให้มีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนด้วยการให้ททท. ส่งเจ้าหน้าที่ไปดูแล ใกล้ชิดในทุกเที่ยวบินชาร์เตอร์ไฟล์ทที่เข้ามา
