ASTVผู้จัดการรายวัน - “สุกำพล”โชว์ผลงาน นายกฯ ชูการจัดหารถเมล์เอ็นจีวีก้าวหน้าสุด เร่งชง ครม.อนุมัติใน ธ.ค.นี้ ซื้อรถใหม่กว่า 3,000 คัน 1.3 หมื่นล้านบาท เย้ยถูกกว่าเดิม แถมสุดโปร่งใส เปิด 8 เขตเดินรถซอยสัญญาซื้อเปิดรายเล็กร่วมประมูล
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จะเชิญ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มาตรวจเยี่ยมกระทรวงคมนาคมในเดือนมกราคม 2555 เพื่อรายงานความก้าวหน้าการดำเนินโครงการต่างๆ ตามนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภา เช่น โครงการรถไฟฟ้า 10 สาย โครงการระบบตั๋วร่วม การจัดหารถโดยสารเอ็นจีวีขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โครงการขยายขีดความสามารถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สุวรรณภูมิ เฟส 2) ซึ่งทุกโครงการดำเนินไปตามแผนงาน ซึ่งโครงการรถเมล์เอ็นจีวี ถือว่ามีความก้าวหน้ามากที่สุด โดยจะเร่งเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขออนุมัติให้ได้ภายในเดือนธันวาคม 2554 นี้ พร้อมกันนี้ ได้ให้ ขสมก.จัดทำแผนการฟื้นฟู ขสมก.เพื่อแก้ปัญหาหนี้สินจำนวน 8 หมื่นล้านบาท เสนอพร้อมกันด้วย
โดยจากผลการศึกษา จะมีการจัดหารถเมล์เอ็นจีวีใหม่ จำนวน 3,183 คัน เพื่อทดแทนรถเก่าที่มีอายุการใช้งานนาน แบ่งเป็นรถธรรมดา (รถร้อน) จำนวน 1,659 คัน รถปรับอากาศ (รถแอร์) 1,524 คัน และปรับปรุงเครื่องยนต์รถปรับอากาศเก่า 323 คัน วงเงินรวมประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท โดยใช้วิธีการซื้อซึ่งดีกว่าวิธีเช่าเพราะราคาถูกกว่า และจากการเกิดอุทกภัยที่ผ่านมา ทำให้เห็นว่า ขสมก.ต้องมีรถเป็นของตัวเอง เพราะจะสามารถนำรถไปให้บริการประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนได้อย่างเต็มที่
ทั้งนี้ หลักการจะให้ทั้ง 8 เขตเดินรถ ขสมก.เสนอความต้องการรถใหม่ และเปิดประมูลพร้อมกันทั้ง 8 เขต เพื่อให้ผู้ประกอบการรายเล็กสามารถเข้าร่วมประมูลได้ และกำหนดให้เป็นรถประกอบในประเทศ เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมของประเทศ โดยจัดเก็บค่าโดยสารตามระยะทางเหมือนเดิม และในระยะแรกจะยังไม่มีระบบจัดเก็บตั๋วอัตโนมัติ หรือ E-ticket โดยจะใช้พนักงานเก็บค่าโดยสารที่มีอยู่เพื่อไม่ให้กระทบต่อพนักงาน จากนั้นเมื่อพนักงานเกษียณหรือลาออกจะไม่รับเพิ่มและค่อยๆทยอยเริ่มนำระบบ E-ticket มาใช้
“ผมมั่นใจว่า จะได้รับการอนุมัติเพราะโครงการมีความจำเป็นช่วยลดต้นทุน ขสมก.ลงมาก จากที่ใช้น้ำมันดีเซล มีค่าใช้จ่ายวันละ 3,000 บาทต่อคันต่อวัน หากเป็นก๊าซเอ็นจีวีจะเหลือ 1,000 บาทต่อคันต่อวันเท่านั้น นอกจากนี้ โครงการถือว่าสุดโปร่งใส เพราะใช้เงินหมื่นกว่าล้านบาท จากเดิม 6.2 หมื่นล้านบาท และเปิดโอกาสให้เอกชนรายใหญ่รายเล็กเข้าร่วมประมูลด้วยความเป็นธรรม” พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จะเชิญ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มาตรวจเยี่ยมกระทรวงคมนาคมในเดือนมกราคม 2555 เพื่อรายงานความก้าวหน้าการดำเนินโครงการต่างๆ ตามนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภา เช่น โครงการรถไฟฟ้า 10 สาย โครงการระบบตั๋วร่วม การจัดหารถโดยสารเอ็นจีวีขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โครงการขยายขีดความสามารถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สุวรรณภูมิ เฟส 2) ซึ่งทุกโครงการดำเนินไปตามแผนงาน ซึ่งโครงการรถเมล์เอ็นจีวี ถือว่ามีความก้าวหน้ามากที่สุด โดยจะเร่งเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขออนุมัติให้ได้ภายในเดือนธันวาคม 2554 นี้ พร้อมกันนี้ ได้ให้ ขสมก.จัดทำแผนการฟื้นฟู ขสมก.เพื่อแก้ปัญหาหนี้สินจำนวน 8 หมื่นล้านบาท เสนอพร้อมกันด้วย
โดยจากผลการศึกษา จะมีการจัดหารถเมล์เอ็นจีวีใหม่ จำนวน 3,183 คัน เพื่อทดแทนรถเก่าที่มีอายุการใช้งานนาน แบ่งเป็นรถธรรมดา (รถร้อน) จำนวน 1,659 คัน รถปรับอากาศ (รถแอร์) 1,524 คัน และปรับปรุงเครื่องยนต์รถปรับอากาศเก่า 323 คัน วงเงินรวมประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท โดยใช้วิธีการซื้อซึ่งดีกว่าวิธีเช่าเพราะราคาถูกกว่า และจากการเกิดอุทกภัยที่ผ่านมา ทำให้เห็นว่า ขสมก.ต้องมีรถเป็นของตัวเอง เพราะจะสามารถนำรถไปให้บริการประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนได้อย่างเต็มที่
ทั้งนี้ หลักการจะให้ทั้ง 8 เขตเดินรถ ขสมก.เสนอความต้องการรถใหม่ และเปิดประมูลพร้อมกันทั้ง 8 เขต เพื่อให้ผู้ประกอบการรายเล็กสามารถเข้าร่วมประมูลได้ และกำหนดให้เป็นรถประกอบในประเทศ เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมของประเทศ โดยจัดเก็บค่าโดยสารตามระยะทางเหมือนเดิม และในระยะแรกจะยังไม่มีระบบจัดเก็บตั๋วอัตโนมัติ หรือ E-ticket โดยจะใช้พนักงานเก็บค่าโดยสารที่มีอยู่เพื่อไม่ให้กระทบต่อพนักงาน จากนั้นเมื่อพนักงานเกษียณหรือลาออกจะไม่รับเพิ่มและค่อยๆทยอยเริ่มนำระบบ E-ticket มาใช้
“ผมมั่นใจว่า จะได้รับการอนุมัติเพราะโครงการมีความจำเป็นช่วยลดต้นทุน ขสมก.ลงมาก จากที่ใช้น้ำมันดีเซล มีค่าใช้จ่ายวันละ 3,000 บาทต่อคันต่อวัน หากเป็นก๊าซเอ็นจีวีจะเหลือ 1,000 บาทต่อคันต่อวันเท่านั้น นอกจากนี้ โครงการถือว่าสุดโปร่งใส เพราะใช้เงินหมื่นกว่าล้านบาท จากเดิม 6.2 หมื่นล้านบาท และเปิดโอกาสให้เอกชนรายใหญ่รายเล็กเข้าร่วมประมูลด้วยความเป็นธรรม” พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว
