รมว.พลังงาน เผยมติที่ประชุม กพช.เคาะเลิกใช้เบนซิน 91 หั่นใช้ไฟฟ้าฟรีเหลือแค่ 50 หน่วย พร้อมอนุมัติหมื่นล้าน หนุนซื้อเครื่องจักร-อุปกรณ์ไฟฟ้า ประหยัดพลังงาน
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังาน กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน โดยระบุว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการยกเลิกการใช้น้ำ มันเบนซิน 91 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศและลดการนำเข้าน้ำมัน ซึ่งจะทำให้มีการใช้พลังงานทดแทนอย่างเอทานอลมากขึ้นประมาณ 19-21 ล้านลิตรต่อเดือน สร้างมูลค่าให้อุตสหากรรมเอทานอลได้ 404-407 ล้านบาทต่อเดือน
ทั้งนี้ คาดว่าจะทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้น 8 แสนลิตรต่อวัน ยอดการใช้รวมจะแตะระดับ 2 ล้านลิตรต่อวัน จากปัจจุบันอยู่ระดับ 1.08 ล้านลิตรต่อวัน ขณะที่การใช้น้ำมันเบนซิน 91 อยู่ระดับ 8.26 ล้านลิตรต่อวัน ส่วนรถจักรยานยนต์ที่ยังมีความจำเป็นต้องใช้น้ำมันเบนซินก็สามารถเติมเบนซิน 95 ได้ ขณะที่รถจักรยานยนต์รุ่นใหม่เติมแก๊สโซฮอล์ 95 ได้แล้ว โดยมาตรการดังกล่าวจะนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณาต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติให้มีการปรับลดมาตรการใช้ไฟฟ้าฟรีถาวรเหลือ 50 หน่วยต่อเดือน จาก 90 หน่วยต่อเดือน ซึ่งจะทำให้มีผู้ได้รับประโยชน์เหลือ 4.37 ล้านครัวเรือน จากเดิม 8 ล้านครัวเรือน โดยภาคอุตสาหกรรมยังเป็นผู้แบกรับภาระค่าไฟฟ้าดังกล่าวเหลือ 3 สตางค์ต่อหน่วย จาก 12 สตางค์ต่อหน่วย หรือคิดเป็น 3.5 พันล้านบาท จาก 1.33 หมื่นล้านบาท โดยมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือเรกูเลเตอร์ ไปกำหนดระยะเวลาเริ่มดำเนินการเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกครั้ง
นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติอนุมัติกรอบโครงการแผนการฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยหลังน้ำลดของกระทรวงพลังงาน โดยมีกรอบวงเงินประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จากกองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อนำมาใช้ในการปรับเปลี่ยนเครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ถูกน้ำท่วม ให้มาเป็นอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน ของภาคประชาชนและภาคธุรกิจ
ส่วนรายละเอียดการอนุมัติใช้วงเงินจะเสนอต่อคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานพิจารณาต่อไป แต่ได้วางกรอบคร่าวๆ คือ ในภาคอุตสาหกรรมจะให้การช่วยเหลือทางด้านการเงินเพื่อซ่อมแซม ปรับปรุงและปรับเปลี่ยนเครื่องจักรของโรงงาน ให้เปลี่ยนมาเป็นอุปกรณืประสิทธิภาพสูง และมาตรการด้านการให้คำปรึกษาและประชาสัมพันธ์ เพื่อฟื้นฟูปรับปรุงสภาพเครื่องจักร โดยนำงบกองทุนไปอุดหนุน ลดราคาอุปกรณ์เครื่องจักร 20% คาดว่าเอสเอ็มอีกกว่า 2 หมื่นรายจะได้รับการช่วยเหลือ
ด้าน ภาคประชาชน จะเสนอให้มีการจัดมหกรรมสินค้า อุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ประสิทธิภาพสูง ในพื้นที่จังหวัดที่ประสบอุทกภัยเพื่อให้ประชาชนซื้อสินค้าราคาถูก ทดแทน อุปกรณ์เดิมที่เสียหาย โดยนำกองทุนไปอุดหนุน เพื่อลดราคาอุปกรณ์ 20% ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชน 1 ล้านครัวเรือนได้รับความช่วยเหลือ
ส่วนการส่งเสริมพลังงานทดแทนนั้น นายพิชัยระบุว่า กระทรวงพลังงานจะหารือกับกระทรวงการคลัง และกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อดำเนินการปรับโครงสร้างภาษียานยนต์ให้สอดคล้องกันไปด้วย คาดว่าจะมีการประชุมในเร็วๆ นี้ ส่วนเรื่องภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ที่จะครบกำหนดปรับลดภาษีลงในสิ้นปีนี้ ยังไม่มีการหารือในครั้งนี้ แต่ภาพรวมแล้วรัฐบาลเห็นว่า เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน่าจะชะลอไปก่อน แต่เรื่องนี้เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลงที่ในปัจจุบันยกเว้นการจัดเก็บ กระทรวงพลังงานกำลังพิจารณาจะกลับมาจัดเก็บอีกครั้งแต่จะมีผลช่วงหลังปีใหม่ไปแล้ว เพื่อทำให้กองทุนมีฐานที่ดีขึ้น และสามารถนำไปบริหารความมั่นคงทางด้านพลังงาน