“ซิงเกอร์” ใจชื้น ยอดขาย “เรือไฟเบอร์-เครื่องสูบน้ำ” ฉลุยรับน้ำท่วม เหยื่ออุทกภัยแห่ซื้อใช้งาน ดันยอดรวมเติบโตเดิม 15% ได้แน่ หลังช่วงแรกผวาน้ำท่วมกระทบเติบโตลง 3% พร้อมเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ช่วงฟื้นฟูซ่อมแซมบ้านเรือน
นายบุญยง ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากปัญหาน้ำท่วมใหญ่ที่เกิดขึ้น แต่บริษัทก็ยังสามารถเก็บเงินลูกหนี้ได้มากถึง 91% ของจำนวนบัญชีลูกหนี้ทั้งหมดที่มีประมาณ 140,000 บัญชีทั่วประเทศ ซึ่งต่ำกว่าช่วงสถานการณ์ปกติเพียง 1% หรือเก็บหนี้ได้ประมาณ92% ของจำนวนลูกหนี้ทั้งหมด โดยมีลูกหนี้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมประมาณ 5,000 บัญชี
“เหตุการณ์น้ำท่วมนี้ บริษัทได้รับผลกระทบไม่มากนัก เพราะเตรียมตัวไว้ก่อนด้วยการโยกย้ายสินค้าจากคลังสินค้าที่จังหวัดอยุธยาไปสำรองไว้ที่ศูนย์ย่อยในต่างจังหวัด 10 แห่ง และขอความร่วมมือกับผู้ผลิตสินค้า(ซัพพลายเออร์)ในการนำสินค้าวางไว้ ขณะที่ในส่วนของลูกค้ากระทบในการจัดเก็บเงินเพียง 2% จากเดิมที่ประเมินไว้ 4% จากบัญชีลูกหนี้ทั้งหมด 1.4 แสนบัญชี ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์จึงถือว่ามีความเสี่ยงน้อย” นายบุญยง กล่าว
ทั้งนี้บริษัทยังมีความมั่นใจว่า สิ้นปีนี้ผลประกอบการจะยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย คือ 2,400 ล้านบาท เติบโต 15% จากปีที่แล้วที่ทำได้ 2,100 ล้านบาท เนื่องจากมียอดขายสินค้าในกลุ่มที่เกี่ยวกับน้ำท่วมเติบโตขึ้นอย่างมาก ผิดกับช่วงปกติที่ขายไม่ค่อยมากเท่าใดนัก คือ เรือไฟเบอร์ กับ เครื่องสูบน้ำ ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายได้ ทั้งที่ช่วงเหตุการณ์น้ำท่วมใหม่ๆบริษัทคาดว่าคงจะตกลง 2% เหลือเพียง 13% เท่านั้น
โดยสินค้าเรือไฟเบอร์นั้นเพิ่งเริ่มทำตลาดปลายเดือนกันยายนนี้ ทั้งที่ไม่เคยขายมาก่อน เป็นเรือเล็กขนาด 4 คนนั่ง ลำละ 6,000 บาท ซึ่งที่ผ่านมาขายได้แล้วกว่า 400 ลำ โดยยังมียอดตกค้างการส่งอีกกว่า 300 ลำต่อเดือนเพราะว่ากำลังผลิตมีไม่เพียงพอ ซึ่งบริษัทสั่งผลิตจากโรงงานในไทย แต่คาดว่าถึงสิ้นปีนี้ความต้องการเรือไฟเบอร์คงจะชะลอตัวแล้ว
ส่วนสินค้าอีกตัว คือ เครื่องสูบน้ำ ยี่ห้อซิงเกอร์ ซึ่งแต่เดิมทำตลาดขายกับเกษตรกรเป็นหลัก โดยเฉพาะภาคอีสานมียอดขายเฉลี่ย 50 เครื่องต่อเดือนเท่านั้น แต่เมื่อนำมาขายในช่วงที่เกิดปัญหาน้ำท่วม ผู้บริโภคต้องการใช้ในการสูบน้ำออกเพราะน้ำท่วมขัง ลูกค้าที่ซื้อเป็นคนกรุงเทพฯมากขึ้นโดยเฉพาะหมู่บ้าน รวมทั้งองค์กรและบริษัทเอกชนจำนวนมาก ทำให้ยอดขายมากขึ้นเป็น 300 กว่าเครื่องต่อเดือน โดยเป็นเครื่องสูบน้ำขนาด 6.5 แรงม้า ขนาดท่อ 3 นิ้ว ซึ่งส่วนใหญ่หมู่บ้านในกรุงเทพฯซื้อเฉลี่ย 2 เครื่องต่อหลังคาเรือน ราคาเฉลี่ย 9,900 บาทต่อเครื่อง แต่ลดพิเศษเหลือ 8,500 บาท ถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ คาดว่าช่วง 3 เดือนท้ายปีนี้จะมียอดขายเครื่องสูบน้ำ 1,000 เครื่อง ขณะที่ทั้งปีคาดว่าขายได้ 1,500 เครื่อง
นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างการพิจารณานำสินค้าใหม่ๆเข้ามาจำหน่ายหลังช่วงน้ำลด ซึ่งจะเป็นช่วงของการฟื้นฟูและซ่อมแซมเป็นหลัก เช่น เฟอร์นิเจอร์ในบ้าน เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง เป็นต้น คาดว่าจะสร้างโอกาสทางการขายมากขึ้น ในเร็วๆนี้น่าจะสามารถสรุปได้ เบื้องต้นบริษัทตั้งเป้ายอดขายจากสินค้ากลุ่มใหม่อยู่ที่ 30-40% เพื่อกระตุ้นยอดขายและขยายฐานลูกค้าเพิ่มในกลุ่มระดับกลาง-บนโดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกของปี 2555 เพื่อผลักดันให้แต่ละปีมียอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า15% เช่นเดียวกับสิ้นปีนี้
นายบุญยง ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากปัญหาน้ำท่วมใหญ่ที่เกิดขึ้น แต่บริษัทก็ยังสามารถเก็บเงินลูกหนี้ได้มากถึง 91% ของจำนวนบัญชีลูกหนี้ทั้งหมดที่มีประมาณ 140,000 บัญชีทั่วประเทศ ซึ่งต่ำกว่าช่วงสถานการณ์ปกติเพียง 1% หรือเก็บหนี้ได้ประมาณ92% ของจำนวนลูกหนี้ทั้งหมด โดยมีลูกหนี้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมประมาณ 5,000 บัญชี
“เหตุการณ์น้ำท่วมนี้ บริษัทได้รับผลกระทบไม่มากนัก เพราะเตรียมตัวไว้ก่อนด้วยการโยกย้ายสินค้าจากคลังสินค้าที่จังหวัดอยุธยาไปสำรองไว้ที่ศูนย์ย่อยในต่างจังหวัด 10 แห่ง และขอความร่วมมือกับผู้ผลิตสินค้า(ซัพพลายเออร์)ในการนำสินค้าวางไว้ ขณะที่ในส่วนของลูกค้ากระทบในการจัดเก็บเงินเพียง 2% จากเดิมที่ประเมินไว้ 4% จากบัญชีลูกหนี้ทั้งหมด 1.4 แสนบัญชี ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์จึงถือว่ามีความเสี่ยงน้อย” นายบุญยง กล่าว
ทั้งนี้บริษัทยังมีความมั่นใจว่า สิ้นปีนี้ผลประกอบการจะยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย คือ 2,400 ล้านบาท เติบโต 15% จากปีที่แล้วที่ทำได้ 2,100 ล้านบาท เนื่องจากมียอดขายสินค้าในกลุ่มที่เกี่ยวกับน้ำท่วมเติบโตขึ้นอย่างมาก ผิดกับช่วงปกติที่ขายไม่ค่อยมากเท่าใดนัก คือ เรือไฟเบอร์ กับ เครื่องสูบน้ำ ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายได้ ทั้งที่ช่วงเหตุการณ์น้ำท่วมใหม่ๆบริษัทคาดว่าคงจะตกลง 2% เหลือเพียง 13% เท่านั้น
โดยสินค้าเรือไฟเบอร์นั้นเพิ่งเริ่มทำตลาดปลายเดือนกันยายนนี้ ทั้งที่ไม่เคยขายมาก่อน เป็นเรือเล็กขนาด 4 คนนั่ง ลำละ 6,000 บาท ซึ่งที่ผ่านมาขายได้แล้วกว่า 400 ลำ โดยยังมียอดตกค้างการส่งอีกกว่า 300 ลำต่อเดือนเพราะว่ากำลังผลิตมีไม่เพียงพอ ซึ่งบริษัทสั่งผลิตจากโรงงานในไทย แต่คาดว่าถึงสิ้นปีนี้ความต้องการเรือไฟเบอร์คงจะชะลอตัวแล้ว
ส่วนสินค้าอีกตัว คือ เครื่องสูบน้ำ ยี่ห้อซิงเกอร์ ซึ่งแต่เดิมทำตลาดขายกับเกษตรกรเป็นหลัก โดยเฉพาะภาคอีสานมียอดขายเฉลี่ย 50 เครื่องต่อเดือนเท่านั้น แต่เมื่อนำมาขายในช่วงที่เกิดปัญหาน้ำท่วม ผู้บริโภคต้องการใช้ในการสูบน้ำออกเพราะน้ำท่วมขัง ลูกค้าที่ซื้อเป็นคนกรุงเทพฯมากขึ้นโดยเฉพาะหมู่บ้าน รวมทั้งองค์กรและบริษัทเอกชนจำนวนมาก ทำให้ยอดขายมากขึ้นเป็น 300 กว่าเครื่องต่อเดือน โดยเป็นเครื่องสูบน้ำขนาด 6.5 แรงม้า ขนาดท่อ 3 นิ้ว ซึ่งส่วนใหญ่หมู่บ้านในกรุงเทพฯซื้อเฉลี่ย 2 เครื่องต่อหลังคาเรือน ราคาเฉลี่ย 9,900 บาทต่อเครื่อง แต่ลดพิเศษเหลือ 8,500 บาท ถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ คาดว่าช่วง 3 เดือนท้ายปีนี้จะมียอดขายเครื่องสูบน้ำ 1,000 เครื่อง ขณะที่ทั้งปีคาดว่าขายได้ 1,500 เครื่อง
นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างการพิจารณานำสินค้าใหม่ๆเข้ามาจำหน่ายหลังช่วงน้ำลด ซึ่งจะเป็นช่วงของการฟื้นฟูและซ่อมแซมเป็นหลัก เช่น เฟอร์นิเจอร์ในบ้าน เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง เป็นต้น คาดว่าจะสร้างโอกาสทางการขายมากขึ้น ในเร็วๆนี้น่าจะสามารถสรุปได้ เบื้องต้นบริษัทตั้งเป้ายอดขายจากสินค้ากลุ่มใหม่อยู่ที่ 30-40% เพื่อกระตุ้นยอดขายและขยายฐานลูกค้าเพิ่มในกลุ่มระดับกลาง-บนโดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกของปี 2555 เพื่อผลักดันให้แต่ละปีมียอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า15% เช่นเดียวกับสิ้นปีนี้