ผู้จัดการออนไลน์- ลาดกระบังระทึก! น้ำซึมต่อเนื่องผ่านระหว่างคันดินเก่า-ใหม่ต้องคอยอุดตลอด 24 ชั่วโมง แถมน้ำภายนอกขึ้นไม่หยุดวันนี้ขยับอีก 30 ซม. รับหากน้ำไม่หยุดขึ้นเสี่ยงแน่ เผยทั้งลาดกระบัง-บางชันเซ็งขออุปกรณ์จัดการน้ำไปที่ ศปภ. เงียบฉี่
วันนี้(10 พ.ย.) นายโสภณ ผลประสิทธิ์ ผู้ตรวจราชการ กระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะประธานคณะทำงานป้องกันและลดผลกระทบจากอุทกภัยในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง เปิดเผยว่า วันนี้น้ำภายนอกนิคมฯลาดกระบังยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องอีกจากวานนี้( 9 พ.ย.) 3 เซนติเมตรและมีผลให้น้ำซึมเข้ามาระหว่างรอยคันดินใหม่และเก่า ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อคอยอุดรอยซึมซึ่งหากระดับน้ำยังเพิ่มต่อเนื่องก็ถือว่าเป็นจุดเสี่ยงอย่างมาก
อย่างไรก็ตามทางนิคมฯไม่ได้นิ่งเฉยได้มีการนำเรือผลักดันน้ำออกลำคลองต่างๆ รวมถึงได้แจ้งขออุปกรณ์หนักเช่น รถแม็คโคร 2 ตัวไปยังศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม(ศปภ.)แต่ขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับ
“เราวางคันดินกั้นน้ำใหม่ต่อจากคันดินเดิมแต่น้ำได้สูงมาระดับคันดินเก่าแล้วจึงทำให้ดินอ่อนตัวจึงเกิดการรั่วซึมผ่านระหว่างคันดินเก่าและใหม่ ขณะที่น้ำภายนอกเองก็ยังคงเพิ่มขึ้นทุกวันแต่เราได้เสริมวีว่า บอร์ดอีกชั้นสูง 1.20 เมตรซึ่งยังเหลือความสูง 60-70 เซนติเมตรเท่านั้นน้ำก็จะเข้าภายในฯได้ดังนั้นทางผู้ประกอบการในนิคมฯจึงมีการหารือร่วมกันตลอดเพื่อประเมินสถานการณ์ใกล้ชิดเพื่อตัดสินใจร่วมกันประกาศอพยพแรงงานและปิดกิจการชั่วคราว”นายโสภณกล่าว
นายยงยุทธ ทองสุข รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะประธานคณะทำงานป้องกันและลดผลกระทบจากอุทกภัยในนิคมอุตสาหกรรมบางชัน กล่าวว่า คณะทำงานฯได้แจ้งขอเครื่องดันน้ำซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการดันน้ำออกไปยังศปภ. 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาแต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ เนื่องจากคณะทำงานฯต้องการเร่งดันน้ำลงคลองพระโขนง-แม่น้ำเจ้าพระยา
“เรามีเรือดันน้ำ 22 ลำ เครื่องปั๊มน้ำ 52 ตัวหากได้เครื่องดันน้ำซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าก็จะทำให้การดันน้ำได้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้แม้ว่าจะได้ประกาศแผนเตือนภัยขั้นที่ 1 แล้วแต่เอกชนไม่ได้ตื่นตระหนกอะไร แต่กลับมีการตื่นตัวมากขึ้นที่จะคอยมาซักถามข้อมูล”นายยงยุทธกล่าว