อสมท แต่งตั้ง “สุระ เกนทะนะศิล” ดำรงตำแหน่งรักษาการกรรมการผู้อำนวยใหญ่ ชั่วคราวแทน “ธนวัฒน์ วันสม” ค้านเจ้าทุกข์เตรียมร้องศาลปกครอง หวั่นปัญหาบานปลาย ชี้ เป็นเรื่องเล็กน้อย-มีทางออก ควรแก้ปัญหาร่วมกันได้ ด้านกลุ่มคนรัก “อสมท” ออกแถลงการณ์ หวั่นตกเป็นเหยื่อทางการเมือง
บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT แจ้งว่า ตามที่บริษัทได้แจ้งการบอกเลิกสัญญาจ้างบริหาร นายธนวัฒน์ วันสม ในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ตามมติคณะกรรมการ (บอร์ด) ที่มี นายสุรพล นิติไกรพจน์ เป็นประธาน ในการประชุมครั้งที่ 14/2554 วันที่ 13 ตุลาคม 2554 โดยให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2554 เป็นต้นไปนั้น
เพื่อให้การดำเนินกิจการของบริษัทเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดความต่อเนื่อง คณะกรรมการ จึงแต่งตั้งให้ นายสุระ เกนทะนะศิล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท ปฏิบัติหน้าที่ในความรับผิดชอบในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท เป็นการชั่วคราว
นายสุระ กล่าวว่า การที่บอร์ด อสมท มีมติให้เลิกจ้าง นายธนวัฒน์ วันสม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ คาดว่า ความขัดแย้งทั้งหมดนั้น เกิดขึ้นจากการไม่เข้าใจกันในเรื่องของการปรับโครงสร้างระหว่างบอร์ดบริหาร และพนักงานระดับปฏิบัติการ เนื่องจากตัวกลางที่ต้องประสานความเข้าใจระหว่างทั้งสองฝ่ายคือ นายธนวัฒน์วันสม ไม่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ จึงเกิดปัญหาขึ้น
นายสุระ ยอมรับว่า ปัญหาเรื่องของคนเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุด หากแก้ไขหรือทำให้ความเข้าใจตรงกันไม่ได้ จะไม่สามารถแก้เรื่องอื่นได้ และอาจมีผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของ อสมท ดังนั้น ในวันนี้ อสมท จึงได้นัดประชุมผู้บริหารระดับต้น และระดับสูงของ อสมท เพื่อหาความเข้าใจที่ตรงกันก่อนทำความเข้าใจกับพนักงาน อสมท ทั่วประเทศในวันที่ 19 ตุลาคม 2554 ต่อไป
ทั้งนี้ หลังจากได้ความเห็นจากผู้บริหารและพนักงานแล้ว จะนำข้อสรุปทั้งหมดไปเสนอต่อบอร์ด อสมท ในวันที่ 20 ตุลาคม 2554 เพื่อเสนอแผนปรับโครงสร้างเดิมที่เป็นปัญหา ให้เป็นประโยชน์ต่อองค์กรและพนักงานให้มากที่สุด ความเห็นทั้งหมดจะมาจากคนในที่ทำงานตรงนี้จริงๆ ส่วนกรณี นายธนวัฒน์ เตรียมยื่นฟ้องศาลปกครองโดยอ้างมติบอร์ดที่สั่งปลดไม่ชอบด้วยกฎหมายและหลักธรรมาภิบาลว่าโดยรัฐธรรมนูญแล้วนายธนวัฒน์มีสิทธิทำได้ แต่ไม่เห็นด้วย เพราะมองว่านี่คือเรื่องภายใน และเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ยังมีอีกหลายขั้นตอนให้ปรึกษาและหาทางออกร่วมกันได้
ส่วนกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ว่า รัฐบาลกำลังเข้ามาแทรกแซงการทำงานของหน่วยงานรัฐนั้น นายสุระกล่าวว่า ภาคการเมืองคงไม่เข้าใจถึงระบบโครงสร้างของ อสมท ที่แตกต่างจากกรมประชาสัมพันธ์ เป็นหน่วยงานที่รัฐสามารถสั่งการได้ แต่ อสมท เป็นองค์กรสื่อสารมวลชนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ผู้ถือหุ้นคือประชาชน หากเกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกี่ยวกับบอร์ด อสมท ควรมา จากผลการประชุมวิสามัญประจำปีของผู้ถือหุ้น
“กระทรวงการคลัง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 77% ก็จริง แต่จะเข้ามาเกี่ยวข้องเฉพาะตอนประชุมวิสามัญเท่านั้น ตอนนี้ อสมท ได้รับความเชื่อถือจากสำนักข่าวต่างประเทศอื่นๆ มาก ถ้ามีข่าวออกไปเกี่ยวข้องการเมืองมากๆ เราอาจหมดความน่าเชื่อถือได้ เรื่องนี้ คงต้องระมัดระวัง”
นายสุระ ยอมรับว่า ตนเองหนักใจในเรื่องที่เกิดขึ้นพอสมควร เพราะตลอดเวลาที่ทำงานที่ อสมท มากว่า 35 ปี ไม่เคยมีครั้งไหนที่พนักงานใน อสมทแตกแยกเป็นสองฝ่ายขนาดนี้ แต่เมื่อมองสาเหตุแล้วคิดว่าพอจะแก้ไขได้ด้วยการสื่อสารให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกัน
รายงานข่าวเพิ่มเติม ระบุว่า หลังเกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างบอร์ดกับผู้บริหาร และพนักงาน ได้เกิดความไม่พอใจท่าที และบทบาทของสหภาพมาก ทั้งในกรรมการสหภาพเอง และสมาชิกสหภาพ เนื่องจากเห็นว่าสหภาพไม่ได้มีจุดยืนและทำหน้าที่ปกป้องพนักงานและองค์กรเท่าที่ควร เนื่องจากระบุว่า การปลดกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท เป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร สหภาพไม่เกี่ยว โดยพนักงานกับลูกจ้างหลายคนได้รวมตัวกันตั้งกลุ่มขึ้นมาชื่อว่า “กลุ่มคนรัก อสมท” โดยกลุ่มดังกล่าวได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับปัญหาใน อสมท
แถลงการณ์ระบุว่า ตามที่ได้เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างบอร์ดและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ นายธนวัฒน์ วันสม จนนำไปซึ่งมติการเลิกสัญญาจ้างของบอร์ด และต้องจ่ายเงินจำนวนกว่า 2 ล้านบาท ให้กับอดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท เพื่อชดเชยนั้น ทางกลุ่มคนรัก อสมท ประกอบด้วย ผู้บริหารพนักงาน และลูกจ้างที่มีความรักและเป็นห่วงองค์กร รู้สึกวิตกต่ออนาคตขององค์กร และไม่สบายใจต่อปัญหาในองค์กรที่ได้กลายไปเป็นประเด็นสาธารณะ และประเด็นทางการเมืองไปแล้ว การตัดสินใจและการกระทำของบอร์ดหลายประการ ดังนี้
1.การออกมาให้ข้อมูลที่แตกต่างกันระหว่างประธานบอร์ดกับอดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อสมท ทำให้เกิดความสับสนว่าอะไรคือข้อเท็จจริงและใครเป็นฝ่ายกระทำไม่ถูกต้อง อีกทั้งกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กร
2.ทางกลุ่มมีข้อสงสัยต่อมติของบอร์ดหลายประการว่า เป็นการเร่งรีบตัดสินอย่างผิดปกติ อีกทั้งยังไม่มีเหตุผลเพียงพอ เนื่องจากยังไม่สามารถระบุถึงความเสียหายหรือความทุจริตของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ได้ โดยมติดังกล่าวยังทำให้ต้องเสียเงินขององค์กรกว่า 2 ล้านบาท ในการจ่ายชดเชยให้กับอดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท อสมท
3.อนาคตและขวัญกำลังใจของพนักงานและลูกจ้างภายในองค์กร ต่างไม่มีความมั่นใจว่าช่วงรอยต่อระหว่างรอให้มีการสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท คนใหม่อาจมีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองได้ โดยเฉพาะพนักงานต่างวิตกถึงการใช้อำนาจของบอร์ดว่า เป็นการใช้เกินขอบเขตที่มี และเกรงว่า จะเข้ามาก้าวก่ายการบริหารงาน โดยเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้ายภายในเพราะบอร์ดได้เร่งรีบแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท คนเก่าทันที
4.ขอเรียกร้องให้บอร์ดได้พิสูจน์และยืนยันว่าจะไม่ปล่อยให้การเมืองทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลเข้ามาแทรกแซงในการทำหน้าที่รายงานข่าวการจัดผังรายการ โดยเฉพาะการแต่งตั้งผู้บริหารที่วางลง โดยเฉพาะบุคคลที่มีบทบาทดูแลงานข่าวต้องผ่านกระบวนการอย่างถูกต้องและมีหลักธรรมาภิบาล ในสัปดาห์หน้าทางกลุ่มจะทำจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงการคลัง ให้รับทราบถึงความไม่สบายใจในความสับสนขององค์กร โดยอยากให้กระทรวงการคลังเรียกประชุมผู้ถือหุ้นและตั้งคณะกรรมการที่เป็นคนกลางเข้ามาตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้น