“DRT” เร่งเดินเครื่องผลิตเต็มสูบ สต๊อกสินค้าเพิ่มจาก 150 ล้านบาท เป็น 300 ล้านบาท รองรับความต้องการวัสดุก่อสร้างพุ่งสูง เพื่อซ่อมแซมบ้านหลังน้ำลด พร้อมประกาศตรึงราคาสินค้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ด้าน UMI ระบุน้ำท่วมกระบทการขยายตัวตลาดกระเบื้องปูพื้นไม่เกิน 1%
นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมในปีนี้รุนแรงมาก ส่งผลต่อระบบการขนส่งสินค้าของบริษัท โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าไปให้ตัวแทนจำหน่ายในภาคกลาง และภาคกลางตอนล่าง ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้ ยอมรับว่า ปัญหาน้ำท่วมส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทบ้างแต่ไม่มากนัก เนื่องจากในช่วงไตรมาสที่ 3ของทุกปีเป็นฤดูฝน งานก่อสร้างมีไม่มาก จึงถือเป็นช่วงนอกฤดูกาลขาย
สำหรับ ภาพรวมของตลาดวัสดุก่อสร้างในช่วงไตรมาส 4 เชื่อว่า มีความต้องการสินค้าในทุกกลุ่มเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จากการซ่อมแซมบ้านหลังน้ำลด นอกจากนี้มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐที่ผลักดันให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เร่งลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย เพื่อรองรับกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวของสินค้าวัสดุก่อสร้างมีตัวเลขการขยายตัวไม่ต่ำกว่า10% เมื่อเทียบกับกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา
จากแนวโน้มดังกล่าว บริษัทจึงได้เร่งเดินเครื่องจักรผลิตสินค้ากลุ่มไฟเบอร์ซีเมนต์และกระเบื้องคอนกรีตเต็มกำลังการผลิต เพื่อรองรับกับความต้องการสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น โดยได้เพิ่มพื้นที่ในการเก็บสต๊อกสินค้ามากขึ้น เพื่อรอกระจายสินค้าเหล่านี้ไปยังตัวแทนจำหน่ายที่อยู่ในเขตอุทกภัยทันที หลังจากสถานการณ์คลี่คลายลง เพื่อป้องกันปัญหาสินค้าขาดตลาด นอกจากนี้ บริษัทยังจะตรึงราคาสินค้าให้ได้นานที่สุด หลังจากที่ได้ปรับลดราคาสินค้ากลุ่มกระเบื้องมุงหลังคาลงมา 3-5% หรือประมาณแผ่นละ 5 บาท เพื่อสนองต่อนโยบายของภาครัฐและช่วยเหลือผู้บริโภคที่ประสบปัญหาอุทกภัยในครั้งนี้อีกด้วย
“ทั้งนี้ การเดินกำลังการผลิตอย่างเต่อเนื่องแม้ว่ายอดการสั่งซื้อจะลดลงในช่วงนี้ ส่งผลให้ทำให้สต๊อกสินค้าเพิ่มสูงขึ้น เป็น 1 เดือน หรือ 300 ล้านบาท จากปกติสต๊อกสินค้ามีประมาณครึ่งเดือนหรือประมาณ 150 ล้านบาท แต่ปัญหาของผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างในขณะนี้คือการขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิต โดยเฉพาะทรายที่ขณะนี้ขาดตลาดอย่างมาก จากการนำทรายไปบรรจุกระสอบเพื่อใช้เป็นกำแพงป้องกันน้ำในพื้นที่ต่างๆ ที่เกิดน้ำท่วม” นายสาธิต กล่าว
ด้าน นายสุทิน ยุทธนาวราภรณ์ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท สหโมเสค อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมปีนี้หนักมาก จากเดิมที่ในแต่ละปีท่วมเฉพาะพื้นที่การเกษตร แต่ปีนี้ท่วมไปถึงบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ส่งผลต่อยอดสั่งซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้างโดยตรง เนื่องจากคนชะลอการก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในปีนี้คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดกระเบื้องปูพื้นไมมากนัก โดยอาจจะมีผลให้การขยายตัวตลาดรวมลดลงเพียง1% จากประมาณการว่าทั้งปีตลาดจะขยายตัวอยู่ที่ 5-6%
อย่างไรก็ตาม ปัญหาน้ำท่วมไม่ส่งผลกระทบรุนแรงเท่ากับปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่ส่งผลโดยตรงให้เกิดการหยุดการลงทุนหรือชะลอการก่อสร้าง ส่วนสถานการณ์ตลาดในช่วงไตรมาส 4 รวมถึงผลกระทบจากภัยน้ำท่วมขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ จะต้องรอดูสถานการณ์หลังน้ำลด
นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมในปีนี้รุนแรงมาก ส่งผลต่อระบบการขนส่งสินค้าของบริษัท โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าไปให้ตัวแทนจำหน่ายในภาคกลาง และภาคกลางตอนล่าง ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้ ยอมรับว่า ปัญหาน้ำท่วมส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทบ้างแต่ไม่มากนัก เนื่องจากในช่วงไตรมาสที่ 3ของทุกปีเป็นฤดูฝน งานก่อสร้างมีไม่มาก จึงถือเป็นช่วงนอกฤดูกาลขาย
สำหรับ ภาพรวมของตลาดวัสดุก่อสร้างในช่วงไตรมาส 4 เชื่อว่า มีความต้องการสินค้าในทุกกลุ่มเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จากการซ่อมแซมบ้านหลังน้ำลด นอกจากนี้มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐที่ผลักดันให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เร่งลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย เพื่อรองรับกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวของสินค้าวัสดุก่อสร้างมีตัวเลขการขยายตัวไม่ต่ำกว่า10% เมื่อเทียบกับกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา
จากแนวโน้มดังกล่าว บริษัทจึงได้เร่งเดินเครื่องจักรผลิตสินค้ากลุ่มไฟเบอร์ซีเมนต์และกระเบื้องคอนกรีตเต็มกำลังการผลิต เพื่อรองรับกับความต้องการสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น โดยได้เพิ่มพื้นที่ในการเก็บสต๊อกสินค้ามากขึ้น เพื่อรอกระจายสินค้าเหล่านี้ไปยังตัวแทนจำหน่ายที่อยู่ในเขตอุทกภัยทันที หลังจากสถานการณ์คลี่คลายลง เพื่อป้องกันปัญหาสินค้าขาดตลาด นอกจากนี้ บริษัทยังจะตรึงราคาสินค้าให้ได้นานที่สุด หลังจากที่ได้ปรับลดราคาสินค้ากลุ่มกระเบื้องมุงหลังคาลงมา 3-5% หรือประมาณแผ่นละ 5 บาท เพื่อสนองต่อนโยบายของภาครัฐและช่วยเหลือผู้บริโภคที่ประสบปัญหาอุทกภัยในครั้งนี้อีกด้วย
“ทั้งนี้ การเดินกำลังการผลิตอย่างเต่อเนื่องแม้ว่ายอดการสั่งซื้อจะลดลงในช่วงนี้ ส่งผลให้ทำให้สต๊อกสินค้าเพิ่มสูงขึ้น เป็น 1 เดือน หรือ 300 ล้านบาท จากปกติสต๊อกสินค้ามีประมาณครึ่งเดือนหรือประมาณ 150 ล้านบาท แต่ปัญหาของผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างในขณะนี้คือการขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิต โดยเฉพาะทรายที่ขณะนี้ขาดตลาดอย่างมาก จากการนำทรายไปบรรจุกระสอบเพื่อใช้เป็นกำแพงป้องกันน้ำในพื้นที่ต่างๆ ที่เกิดน้ำท่วม” นายสาธิต กล่าว
ด้าน นายสุทิน ยุทธนาวราภรณ์ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท สหโมเสค อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมปีนี้หนักมาก จากเดิมที่ในแต่ละปีท่วมเฉพาะพื้นที่การเกษตร แต่ปีนี้ท่วมไปถึงบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ส่งผลต่อยอดสั่งซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้างโดยตรง เนื่องจากคนชะลอการก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในปีนี้คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดกระเบื้องปูพื้นไมมากนัก โดยอาจจะมีผลให้การขยายตัวตลาดรวมลดลงเพียง1% จากประมาณการว่าทั้งปีตลาดจะขยายตัวอยู่ที่ 5-6%
อย่างไรก็ตาม ปัญหาน้ำท่วมไม่ส่งผลกระทบรุนแรงเท่ากับปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่ส่งผลโดยตรงให้เกิดการหยุดการลงทุนหรือชะลอการก่อสร้าง ส่วนสถานการณ์ตลาดในช่วงไตรมาส 4 รวมถึงผลกระทบจากภัยน้ำท่วมขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ จะต้องรอดูสถานการณ์หลังน้ำลด