“ฟอร์ด” ขยับค่ายเดียวทำเอาป่วนทั้งวงการ กับนโยบายคืนภาษีรถยนต์คันแรกที่กำหนดรถเก๋งเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,500 ซีซี (1.5 ลิตร)ส่งผลให้กลุ่มซับคอมแพกต์ วีออส ยาริส ซิตี้ แจ๊ซ มาสด้า 2 เข้าข่ายทั้งหมด พร้อมได้ภาษีสรรพสามิตคืนเต็ม 100,000 บาท
จริงๆฟอร์ดนั้นได้รับประโยชน์จาก“เฟียสต้า” เครื่องยนต์ 1.4 ลิตร แต่อย่างที่รู้กันว่ารุ่นดังกล่าวไม่ใช่ตัวขาย เพราะรุ่นที่ได้รับความนิยมเป็นเฟียสต้าเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร
งานนี้“ค่ายมะกัน”เลยเต้นยกใหญ่ ทั้งยื่นเรื่องโดยตรงไปยังกระทรวงการคลัง พร้อมออกแถลงการณ์ชัดเจนว่า เฟียสต้ารุ่น 1.6 ลิตร ที่ดันไม่เข้าเกณฑ์นโยบายนี้ ดีกว่ารถเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรทุกรุ่นในตลาด ทั้งอัตราบริโภคน้ำมัน และการปล่อยมลพิษ
“เพื่อมอบความเป็นธรรมให้ผู้บริโภค และเพื่อความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายสนับสนุนเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดพลังงานของรัฐบาล ฟอร์ดขอเรียกร้องให้ยกเลิกเกณฑ์ในการกำหนดขนาดของเครื่องยนต์ที่ 1,500 ซีซี”...นั่นคือคำชี้แจงของ ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ที่ห่วงลูกค้าคนไทยจะไม่ได้ใช้ของดี
ด้านเจ้าพ่อตลาดเก๋งฮอนด้า โดย “พิทักษ์ พฤทธิสาริกร” ออกตัวชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการรื้อสเปก เพราะจะมั่วไปหมด แต่กระนั้นถ้าอยากปรับและอ้างความเท่าเทียม ก็ใช้บรรทัดฐานเดียวกับปิกอัพ โดยเลิกเงื่อนไขขนาดเครื่องยนต์ แต่หันมาขีดเส้นราคาขายไม่เกิน 1 ล้านบาทจะได้หมดปัญหา
ส่วน“มาสด้า 2 ” ที่โดนกาชื่อจากฟอร์ดว่าประสิทธิผลแย่ที่สุดจากตารางเปรียบเทียบอัตราบริโภคน้ำมัน และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ย่อมอยู่เฉยไม่ได้
“สุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี” บอสหญิงแห่ง“มาสด้า เซลส์” เมื่อเห็นรายงานของฟอร์ดที่เผยแพร่ตามสื่อต่างๆแล้วก็ร้อนใจ เพราะทั้ง “เฟียสต้า” และ “มาสด้า2” คลอดออกมาจากโรงงาน (เอเอที ระยอง)เดียวกันแท้ๆไม่น่าทำกันได้(ใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนต่างกัน)
โดย “สุรีทิพย์” สวนกลับว่า ข้อมูลของฟอร์ดนำมาจากเว็บไซต์ต่างประเทศ ซึ่งเป็นคนละสเปกกับ“มาสด้า 2” ที่ขายในเมืองไทย พร้อมยืนยันถึงอัตราบริโภคน้ำมันเป็นเลิศ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อ้างอิงตามมาตรฐานจากองค์กรต่างๆ...ตาต่อตาฟันต่อฟันกันไป!
...ประเด็นนี้อย่าว่าแต่พันธมิตร “ฟอร์ด-มาสด้า” ทีแหนงใจกัน เพราะ “สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์” เอง ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกหลายค่ายรถยนต์ จำต้องแยกย้ายกระจายหัวชั่วคราว กล่าวคือทุกคนสามารถออกเสียงเรียกร้องกับหน่วยงานราชการได้ตามอิสระ เพราะนโยบายคืนภาษีนี้ระยะเวลาสั้นนัก ดังนั้นมือใครยาวต้องรีบสาว หรือใครส่อตกขบวนต้องรีบวิ่งขื้นมาให้ทัน
เรียกว่าตอนนี้หลายค่ายวิ่งกันวุ่นฝุ่นตลบ เพราะรัฐบาลทำให้เห็นว่าทุกอย่างยืดหยุ่นและเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ถ้ามีข้ออ้างและผลประโยชน์กับใครในประเทศมากพอ!!!
จริงๆฟอร์ดนั้นได้รับประโยชน์จาก“เฟียสต้า” เครื่องยนต์ 1.4 ลิตร แต่อย่างที่รู้กันว่ารุ่นดังกล่าวไม่ใช่ตัวขาย เพราะรุ่นที่ได้รับความนิยมเป็นเฟียสต้าเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร
งานนี้“ค่ายมะกัน”เลยเต้นยกใหญ่ ทั้งยื่นเรื่องโดยตรงไปยังกระทรวงการคลัง พร้อมออกแถลงการณ์ชัดเจนว่า เฟียสต้ารุ่น 1.6 ลิตร ที่ดันไม่เข้าเกณฑ์นโยบายนี้ ดีกว่ารถเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรทุกรุ่นในตลาด ทั้งอัตราบริโภคน้ำมัน และการปล่อยมลพิษ
“เพื่อมอบความเป็นธรรมให้ผู้บริโภค และเพื่อความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายสนับสนุนเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดพลังงานของรัฐบาล ฟอร์ดขอเรียกร้องให้ยกเลิกเกณฑ์ในการกำหนดขนาดของเครื่องยนต์ที่ 1,500 ซีซี”...นั่นคือคำชี้แจงของ ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ที่ห่วงลูกค้าคนไทยจะไม่ได้ใช้ของดี
ด้านเจ้าพ่อตลาดเก๋งฮอนด้า โดย “พิทักษ์ พฤทธิสาริกร” ออกตัวชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการรื้อสเปก เพราะจะมั่วไปหมด แต่กระนั้นถ้าอยากปรับและอ้างความเท่าเทียม ก็ใช้บรรทัดฐานเดียวกับปิกอัพ โดยเลิกเงื่อนไขขนาดเครื่องยนต์ แต่หันมาขีดเส้นราคาขายไม่เกิน 1 ล้านบาทจะได้หมดปัญหา
ส่วน“มาสด้า 2 ” ที่โดนกาชื่อจากฟอร์ดว่าประสิทธิผลแย่ที่สุดจากตารางเปรียบเทียบอัตราบริโภคน้ำมัน และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ย่อมอยู่เฉยไม่ได้
“สุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี” บอสหญิงแห่ง“มาสด้า เซลส์” เมื่อเห็นรายงานของฟอร์ดที่เผยแพร่ตามสื่อต่างๆแล้วก็ร้อนใจ เพราะทั้ง “เฟียสต้า” และ “มาสด้า2” คลอดออกมาจากโรงงาน (เอเอที ระยอง)เดียวกันแท้ๆไม่น่าทำกันได้(ใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนต่างกัน)
โดย “สุรีทิพย์” สวนกลับว่า ข้อมูลของฟอร์ดนำมาจากเว็บไซต์ต่างประเทศ ซึ่งเป็นคนละสเปกกับ“มาสด้า 2” ที่ขายในเมืองไทย พร้อมยืนยันถึงอัตราบริโภคน้ำมันเป็นเลิศ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อ้างอิงตามมาตรฐานจากองค์กรต่างๆ...ตาต่อตาฟันต่อฟันกันไป!
...ประเด็นนี้อย่าว่าแต่พันธมิตร “ฟอร์ด-มาสด้า” ทีแหนงใจกัน เพราะ “สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์” เอง ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกหลายค่ายรถยนต์ จำต้องแยกย้ายกระจายหัวชั่วคราว กล่าวคือทุกคนสามารถออกเสียงเรียกร้องกับหน่วยงานราชการได้ตามอิสระ เพราะนโยบายคืนภาษีนี้ระยะเวลาสั้นนัก ดังนั้นมือใครยาวต้องรีบสาว หรือใครส่อตกขบวนต้องรีบวิ่งขื้นมาให้ทัน
เรียกว่าตอนนี้หลายค่ายวิ่งกันวุ่นฝุ่นตลบ เพราะรัฐบาลทำให้เห็นว่าทุกอย่างยืดหยุ่นและเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ถ้ามีข้ออ้างและผลประโยชน์กับใครในประเทศมากพอ!!!
