xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์” เผยราคา อาหาร-พลังงาน ดันเงินเฟ้อ ส.ค.พุ่งพรวด 4.29%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“พาณิชย์” เผย เงินเฟ้อเดือน ส.ค.เพิ่มขึ้นพรวด 4.29% เป็นผลจากราคาอาหาร พลังงานแพง ส่งผลให้เงินเฟ้อเฉลี่ย 8 เดือนแตะ 3.72% สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ 3.2-3.7% คาดทั้งปีคุมอยู่ในกรอบ

นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (อัตราเงินเฟ้อ) เดือนสิงหาคม 2554 อยู่ที่ 113.23 เพิ่มขึ้น 4.29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.43% เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2554 ส่งผลให้เงินเฟ้อเฉลี่ย 8 เดือนของปีนี้ (มกราคม-สิงหาคม) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.72%

ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศ (Core CPI) เดือนสิงหาคม 2554 อยู่ที่ 106.64 เพิ่มขึ้น 2.85% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.27% เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2554 ส่งผลให้ Core CPI เฉลี่ย 8 เดือนของปีนี้ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.12%

สำหรับดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มในเดือนสิงหาคม 2554 อยู่ที่ 135.07 เพิ่มขึ้น 1.66% จากเดือนกรกฎาคม 2554 และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.43% ขณะที่ดัชนีหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม อยู่ที่ 100.56 ลดลง 0.36% จากเดือนกรกฎาคม 2554 และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.77%

“เงินเฟ้อในเดือน ส.ค.54 สูงขึ้น 0.43% จากเดือน ก.ค.54 สาเหตุจากการสูงขึ้นของราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ประเภทอาหารและเครื่องดื่มที่ปรับตัวสูงขึ้น เช่น เนื้อสุกร ไข่ไก่ นม อาหารสำเร็จรูป ยาและเวชภัณฑ์ แต่หากเทียบอัตราเงินเฟ้อในเดือน ส.ค.54 กับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่สูงขึ้น 4.29% เป็นผลมาจากการสูงขึ้นของดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่ม 8.43% เช่น เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ ไข่ นม เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอ และอาหารสำเร็จรูป นอกจากนี้ ยังมีผลมาจากดัชนีราคาสินค้าหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่อดื่มที่สูงขึ้น 1.77% จากการสูงขึ้นของหมวดการขนส่ง การสื่อสาร การบันเทิง การตรวจรักษา”

นายยรรยง กล่าวต่ออีกว่า อัตราเงินเฟ้อในเดือนสิงหาคม 2554 ในระดับปัจจุบันยังสะท้อนให้เห็นถึงเศรษฐกิจของไทยที่ยังมีเสถียรภาพ ตามการบริหารนโยบายเศรษฐกิจที่สำคัญของภาครัฐ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ ยังคาดว่าทั้งปีนี้จะรักษาระดับอัตราเงินเฟ้อไว้ได้ตามเป้าที่ 3.2-3.7% โดยมีปัจจัยเรื่องมาตรการของภาครัฐในการปรับลดราคาน้ำมันที่มีผลต่อค่าครองชีพและการผลิตสินค้าเป็นตัวสนับสนุนให้เงินเฟ้อไม่สูงไปกว่ากรอบที่ตั้งไว้

ขณะที่มองว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือนกันยายน 2554 จะอยู่ที่ระดับ 3.8-3.9% และอัตราเฉลี่ยในไตรมาส 4/2554 มีแนวโน้มลดลง ซึ่งเป็นไปตามวัฏจักร โดยคาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 3.6% โดยมีปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อในช่วงปลายปีมีแนวโน้มลดลง คือ 1.ปริมาณผลผลิตอาหารเพิ่มขึ้น 2.กรณีที่รัฐบาลยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ทำให้ราคาน้ำมันปรับลดลง พร้อมคาดว่าช่วงปลายปีอัตราเงินเฟ้อคงจะลดลงมาจาก 2 ปัจจัยนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีผลต่อเงินเฟ้อ ทั้งในด้านขนส่งและราคาพลังงานที่ปรับลดลง

ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ยังกล่าวถึงกรณีความกังวลต่อนโยบายรัฐ เรื่องการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวัน เงินเดือนปริญญาตรีเริ่มต้นที่ 15,000 บาทต่อเดือน ที่จะมีผลต่อเงินเฟ้อว่า แนวนโยบายดังกล่าวของรัฐบาลไม่ได้มีผลต่อการปรับขึ้นเงินเฟ้อมากนัก เนื่องจากเป็นการปรับเพิ่มค่าแรงในระดับล่าง ซึ่งไม่ได้มีผลให้การใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากนัก โดยมีข้อมูลว่าหากมีการปรับขึ้นค่าแรง 1% จะมีผลให้อัตราเงินเฟ้อในรอบปีสูงขึ้นเพียง 0.08% ส่วนผลจากการปรับลดราคาน้ำมัน มองว่า สินค้าที่มีโอกาสจะปรับลดราคาลงในอัตราที่สูง ได้แก่ เหล็กคาดว่า จะปรับลดลงตันละ 30 บาท กระดาษ สิ่งพิมพ์ คาดว่า จะปรับลดตันละ 9.55 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น