“กิตติรัตน์” เชื่อนโยบาย รบ. หนุน “จีดีพี” ปีหน้าโตได้อีก 2.5% “ยรรยง” ยันความพร้อมจำนำข้าว ประกาศร่นเวลาจาก 1 พ.ย.เป็น 15 ต.ค.นี้
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปาฐกถาเรื่อง “รัฐบาลใหม่กับทิศทางการขับเคลื่อนประเทศไทย” โดยมั่นใจว่าการดำเนินนโยบายของภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เรื่องการเพิ่มรายได้ ทั้งค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท เงินเดือนปริญญาตรีเริ่มต้น 15,000 บาท รวมทั้งนโยบายรับจำนำข้าว จะช่วยให้ผู้ที่มีรายได้น้อยในประเทศกลายเป็นผู้มีรายได้เพิ่ม และเป็นผู้ที่มีความเข้มแข็งขึ้นในระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลดีที่จะช่วยผลักดันให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยในปี 2555 โตเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 2.5% จากที่หลายสำนักได้คาดการณ์ไว้
โดยก่อนหน้านี้ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เคยกล่าวเอาไว้ว่า นโยบายการเพิ่มรายได้ และกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศของรัฐบาลจะช่วยหนุนให้จีดีพีในปี 2555 โตเพิ่มจากคาดการณ์ได้อีก 1%
นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังได้กล่าวถึงการจัดทำงบประมาณปี2555 ซึ่งประเมินว่า การขาดดุลงบประมาณปี 2555 อาจจะมากกว่า 3.5 แสนล้านบาท ตามกรอบที่วางไว้เดิมได้ หากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดไว้
“แผนที่รัฐบาลเดิมได้ตั้งเป้าไว้ที่จะใช้งบ 2.25 ล้านล้านบาท ขาดดุลไม่เกิน 3.5 แสนล้านบาท เป็นความตั้งใจของรัฐบาลที่จะรักษาวินัยการคลังไม่ให้ขาดดุลเกิน หากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวมากกว่าที่คิด การขาดดุลมากกว่านั้น อาจเป็นเรื่องจำเป็น”
ด้าน นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงผลการหารือร่วมกับสมาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงนโยบายการรับจำนำข้าว โดยระบุว่าการประชุมครั้งนี้เป็นการเตรียมความพร้อมการรับจำนำข้าวตามนโยบายรัฐบาล และขั้นตอนการดำเนินการอย่างไร เพื่อที่จะเสนอให้กับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พิจารณา
หลังจากนั้นก็จะเสนอให้กับทางคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) พิจารณา และจะมีการประชุมหารือเรื่องดังกล่าวอีกครั้งภายในวันที่ 1 กันยายน 2554 นี้ เพื่อให้มีความเห็นชอบไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนการประชุมมีมติให้ราคารับจำนำข้าว ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ รับจำนำราคา 20,000 บาทต่อตัน ข้าวหอมมะลิจังหวัดให้ลดหลั่นลงมาจากข้าวหอมมะลิทั่วไป 500-1,000 บาทต่อตัน ซึ่งจะเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พิจารณา
ส่วนปริมาณที่รัฐบาลจะรับจำนำเท่าไรนั้นยังไม่สามารถสรุปได้ แต่ในเบื้องต้นจะดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการรับจำนำข้าวทุกเม็ด สำหรับวิธีการรับจำนำ เบื้องต้นเสนอไว้ 2 วิธี คือ รับจำนำใบประทวนและการรับจำนำแบบยุ้งฉางและคาดว่าจะดำเนินการรับจำนำข้าวได้เร็วที่สุดคือกลางเดือนตุลาคม เนื่องจากเห็นว่าควรจะดำเนินการรับจำนำพร้อมการผลิตข้าวนาปีออก เดือนตุลาคม แต่ในเบื้องต้นจะยึดวันที่ 1 พฤศจิกายน 2554ไว้ก่อน
นายยรรยงกล่าวอีกว่า เชื่อว่าการรับจำนำข้าวปีนี้ต่างจากปี 2551 อย่างแน่นอนเพราะรัฐบาลเน้นในส่วนของการยกระดับราคาข้าวของเกษรตรกรเพื่อต้องการให้เกษตรกรมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น