ปลัด พณ. ขานรับนโยบาย รบ.ใหม่ เผยข้าวไทยไม่มีปัญหาด้านการผลิต แต่มีปัญหาด้านการตลาด ชี้ จุดอ่อนภาคเกษตรไทย ไม่มีนโยบายที่ต่อเนื่อง เหมือนบางประเทศที่ให้ความสำคัญกำหนดใน รธน. พร้อมตั้งข้อสังเกต เหตุใดราคาข้าวเปลือกใน ปท. ต้องผูกติดกับราคา ตปท. ด้านโรงสี-เกษตรกร เรียกร้อง รบ.ใหม่ เร่งเดินหน้า นโยบายรับจำนำ ก่อนสิ้นปี "ประสิทธิ์" ฝากดูแลชาวนาถูกเอารัดเอาเปรียบปัญหาความชื้น และการลักลอบการนำจากเพื่อนบ้านสวมสิทธิขายใน ปท. "ชาญชัย" ครวญโรงสีตกเป็นจำเลยสังคม ถูกหาว่าโกงมาตลอด แถมตอนข้าวขาดตลาด ก็ถูกตำหนิว่าแอบกักตุน
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในงานสัมมนานโยบายรัฐกับทิศทางอุตสาหกรรมข้าว ระบุว่านโยบายการรับจำนำข้าวทางกระทรวงพาณิชย์ก็พร้อมดำเนินการนโยบายอย่างเต็มที่ แต่ยอมรับว่า อุตสาหกรรมข้าวไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เห็นได้จากราคาส่งออกข้าวไทยจากเมื่อ 10 ปีก่อนอยู่ที่ 200 ดอลลาร์ต่อตันแต่ขณะนี้โดยเฉลี่ยข้าวข้าวขาวส่งออกของไทยอยู่ที่ 600 ดอลลาร์ต่อตัน
"กรณีดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าข้าวไทยยังเป็นที่ต้องการของคนทั่วโลกแม้ว่าไทยจะมีคู่แข่งเช่นประเทศเวียดนามขายข้าวถูกกว่าไทย ดังนั้นจึงไม่อยากให้ผู้ประกอบการไทยมองว่าเวียดนามเป็นคู่แข่งเนื่องจากไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่ง"
ดังนั้น จึงอยากฝากให้เอกชนไทยสร้างและจัดการข้าวไทยให้มีความเข้มแข็งโดยให้เน้นถึงคุณภาพและมาตรฐาน ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้อุตสาหกรรมข้าวไทยมีความเข้มแข็ง และเป็นตัวชี้นำตลาด โดยเฉพาะราคา ซึ่งที่ผ่านมา ข้าวไทยไม่ได้เกิดปัญหาทางด้านการผลิต แต่เกิดปัญหาทางด้านการตลาด
"ผมไม่รู้ว่า เหตุใดราคาข้าวเปลือกในประเทศ จึงไปผูกติดกับราคาต่างประเทศ ซึ่งเป็นการกำหนดคุณภาพข้าวไทยให้ชัดเจน และยังเชื่อว่าตามกรอบยังเปิดเสรีการค้าโดยเฉพาะการรวมกลุ่มของอาเซียนซึ่งหลายฝ่ายมองว่าไทยจะมีคู่แข่งเกิดขึ้นภายในกลุ่มเช่น เวียนนาม กัมพูชา ลาว พม่า ซึ่งประเทศเหล่านี้สามารถผลิตข้าวเองได้"
ดังนั้น ไทยอย่ามองประเทศเหล่านี้เป็นคู่แข่ง แต่ควรดึงประเทศเหล่านี้มาเป็นพันธมิตร และมองว่าอาเซียนเป็นโอกาสที่จะขยายการผลิตของไทยไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยเห็นว่าอุตสาหกรรมข้าวไทยควรมีการจัดตั้งสมาพันธ์โรงสีข้าวอาเซียนเพราะจะสร้างความเข้มแข็งให้อุตสาหกรรมข้าวในตลาดโลก และมองว่า เมื่อเกิดปัญหาภัยธรรมชาติยังสามารถพึ่งพิงฐานการผลิตข้าวของประเทศเพื่อนบ้านได้
ทั้งนี้ จุดอ่อนอุตสาหกรรมภาคการเกษตรของไทย คือ ไม่ได้มีการวางกรอบนโยบายการค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลายประเทศนโยบายการค้าถูกบรรจุไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ ดังนั้นหากไทยมีการวางกรอบสินค้าภาคการเกษตร ก็น่าจะทำให้มีอำนาจในการต่อรองภาคการเกษตรมากขึ้น
นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทยกล่าวว่า แนวนโยบายรัฐบาลชุดใหม่ที่จะนำโครงการรับจำนำข้าวเปลือกแทนโครงการประกันรายได้ โดยกำหนดข้าวเปลือกความชื้นไม่เกินร้อยละ 15 ในราคา 15,000 บาทต่อตัน เกษตรกรส่วนใหญ่มีความพอใจ และเห็นด้วย แต่อยากฝากรัฐบาลชุดใหม่ในช่วงรอยต่อของโครงการประกันที่จะสิ้นสุดการประกันในช่วงเดือนสิงหาคม 2554 นี้ นั้นมองว่า รัฐบาลจะเปิดรับจำนำในช่วงปลายปีซึ่งในช่วงสิงหาคม-ตุลาคม 2554 บางพื้นที่เกษตรกรเก็บเกี่ยวข้าวซึ่งเกษตรกรไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ดังนั้นรัฐบาลน่าจะเปิดรับจำนำเร็วกว่าที่กำหนดไว้
นายประสิทธิ์ กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลเข้ามาดูแลจะทำอย่างไรให้ชาวนาขายข้าวได้ในราคาดีและเข้ามาดูแลไม่ให้เกษตรกรถูกเอารัดเอาเปรียบปัญหาความชื้นและดูแลการลักลอบการนำข้าวเปลือกจากประเทศเพื่อนบ้านที่เข้ามาสวมสิทธิขายภายในประเทศและเห็นว่ารัฐบาลควรให้ตัวแทนเกษตรกรเข้ามามีบทบาทในคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติเพื่อให้เกษตรกรมีอำนาจในการต่อรองดูแลข้าวทั้งระบบ
นายชาญชัย รักษ์ธนานนท์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ทางกลุ่มโรงสีข้าวไทยทั่วประเทศมีความพร้อมและยินดีที่จะเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งโครงการนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เนื่องจากเคยร่วมดำเนินโครงการนี้มาแล้ว
สำหรับสิ่งที่อยากฝากรัฐบาล คือ โครงการรับจำนำหรือโครงการประกันนั้น โรงสีข้าวไทยนั้นยังตกเป็นจำเลยของสังคม และถูกตำหนิว่าโกงราคารับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกร หรือปริมาณข้าวน้อย ก็ถูกกล่าวหาว่ากักตุนเพื่อหวังให้ราคาข้าวสูงขึ้น
ที่ผ่านมา ก็ได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เช่นสองสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาข้าวขึ้นอย่างต่อเนื่องทางโรงสีก็ถูกตำหนิว่าเก็บข้าวไว้เพื่อรอราคาใหม่ ซึ่งความจริงเป็นช่วงปลายฤดูข้าวออกสู่ตลาดน้อย แต่ความต้องการข้าวของประเทศลูกค้ามีมาก
ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาไทยส่งออกไปแล้ว 6-7 ล้านตัน และเชื่อว่าการส่งออกทั้งปีจะเกินกว่า 10 ล้านตัน ดังนั้นข้าวที่เหลืออยู่ในมือของโรงสีมีปริมาณน้อยจึงอยากให้สังคมเกิดความเข้าใจและทางโรงสีก็พร้อมจะสนองนโยบายของรัฐบาลอย่างเต็มที่
