สเวนเซ่นส์ ไม่หวั่นคู่แข่งไอศกรีมทยอยเข้าไทย มั่นใจแบรนด์พร้อมเงินทุนเพียบ ลั่นสิ้นปีมีครบ 250 สาขา หวังรายได้ทั้งปีทะลุ 3,000 ล้านบาท ส่งมูนเค้กดันยอดรับเทศกาล
นายวิทยา สินทราพรรณทร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท สเวนเซ่นส์ (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การเข้ามาสู่ตลาดไอศกรีมในไทยของอินเตอร์แบรนด์และของไทยแบรนด์ใหม่ๆในช่วงไม่กี่ปีนี้ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีเพราะจะยิ่งช่วยทำให้ตลาดรวมไอศกรีมมีการเติบโตที่ดีมากขึ้นและเป็นการขยายตลาดด้วย ส่งผลให้ยอดขายของทุกแบรนด์เติบโต ทำให้ตลาดรวมมีมูลค่ารวมเพิ่มขึ้นด้วย แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้การแข่งขันมีความรุนแรงขึ้นเช่นเดียวกัน แต่ก็ส่งผลดีต่อผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม สเวนเซ่นส์เองก็ยังมั่นใจในการบริการ รสชาติไอศกรีม และคุณภาพที่ไม่เป็นรองใคร เป็นจุดแข็งในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนความแข็งแกร่งในด้านของการลงทุนขยายสาขา ที่อยู่ในเครือไมเนอร์ที่มีนโยบายลงทุนต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าหมายที่จะเปิดสาขาใหม่รวมกับสาขาเก่าให้ได้ครบ 250 สาขาภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันที่มีจำนวนสาขาเปิดบริการแล้วรวม 234 สาขา แบ่งเป็นสาขาของบนิษัทฯ 112 สาขา และสาขาของแฟรนไชส์ 122 สาขา ซึ่งในอนาคตบริษัทฯจะเพิ่มสัดส่วนของร้านแฟรนไชส์มากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ปีนี้บริษัทฯคาดว่าไอศกรีมสเวนเซ่นส์จะสามารถทำรายได้รวม 3,000 ล้านบาทได้แน่นอน ซึ่งเพิ่มจากปีที่แล้วที่มีรายได้รวม 2,500 ล้านบาท โดยที่ช่วงครึ่งปีแรก ที่ผ่านมานี้ สเวนเซ่นส์มียอดขายรวมแล้วประมาณ 1,600 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 20% ซึ่งมากกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ถึง 50% โดยสเวนเซ่นส์เป็นผู้นำตลาดไอศกรีมพรีเมียมมีส่วนแบ่งตลาด 70-75%
นายวิทยากล่าวต่อว่า สำหรับแผนรุกตลาดครึ่งปีหลังนี้ โดยเฉพาะล่าสุดนี้คือเทศกาลไหว้พระจันทร์ บริษัทฯได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อต้อนรับช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์คือ สเวนเซ่นส์มูนเค้ก มี 4 รสชาติคือ ม็อคค่าอัลมอนด์ฟัดจ์ รสหอมเข้มข้น, สตรอว์เบอร์รี่คอบเบลอร์ รสหวานหอมของสตรอว์เบอร์รี่, คุ้กกี้แอนด์ครีม รสคุกกี้เข้มข้น และชอกโกแลตอัลมอนด์บราวนนี่ รสชอกโกแลตพิเศษ จำหน่ายราคา 99 บาทต่อชิ้น, ราคา 189 บาทต่อ 2 ชิ้น เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. - 30 ก.ย. ศกนี้
“จริงๆแล้วเราทำมูนเค้กออกมาไม่ได้ต้องการไปแข่งขันอะไรกับใครหรอก เป็นเรื่องอของการสร้างสีสันมากกว่า ส่วนยอดขายก็ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 10 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 10 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ยอดขายรวมเติบโตขึ้นอีก 10% ในช่วงเทศกาลนี้ “ นายวิทยากล่าว
นอกจากนั้นยังมีแคมเปญใหญ่ๆตามมาอีกอย่างนอย 4 แคมเปญ ในช่วงครึ่งปีหลังนี้เช่น ชอคโกแลตเค้ก ไอศกรีมเจ เป็นต้น โดยทั้งหมดจะใช้งบตลาดประมาณ 10% จากยอดขายรวม อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาวัตถุดิบมีการปรับราคาขึ้นเฉลี่ย 15% แต่บริษัทฯยังตรึงราคาจำหน่ายไว้โดยหันไปใช้วิธีการลดต้นทุนทางด้านการจัดการ การบริหารแทน
นายวิทยา สินทราพรรณทร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท สเวนเซ่นส์ (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การเข้ามาสู่ตลาดไอศกรีมในไทยของอินเตอร์แบรนด์และของไทยแบรนด์ใหม่ๆในช่วงไม่กี่ปีนี้ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีเพราะจะยิ่งช่วยทำให้ตลาดรวมไอศกรีมมีการเติบโตที่ดีมากขึ้นและเป็นการขยายตลาดด้วย ส่งผลให้ยอดขายของทุกแบรนด์เติบโต ทำให้ตลาดรวมมีมูลค่ารวมเพิ่มขึ้นด้วย แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้การแข่งขันมีความรุนแรงขึ้นเช่นเดียวกัน แต่ก็ส่งผลดีต่อผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม สเวนเซ่นส์เองก็ยังมั่นใจในการบริการ รสชาติไอศกรีม และคุณภาพที่ไม่เป็นรองใคร เป็นจุดแข็งในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนความแข็งแกร่งในด้านของการลงทุนขยายสาขา ที่อยู่ในเครือไมเนอร์ที่มีนโยบายลงทุนต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าหมายที่จะเปิดสาขาใหม่รวมกับสาขาเก่าให้ได้ครบ 250 สาขาภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันที่มีจำนวนสาขาเปิดบริการแล้วรวม 234 สาขา แบ่งเป็นสาขาของบนิษัทฯ 112 สาขา และสาขาของแฟรนไชส์ 122 สาขา ซึ่งในอนาคตบริษัทฯจะเพิ่มสัดส่วนของร้านแฟรนไชส์มากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ปีนี้บริษัทฯคาดว่าไอศกรีมสเวนเซ่นส์จะสามารถทำรายได้รวม 3,000 ล้านบาทได้แน่นอน ซึ่งเพิ่มจากปีที่แล้วที่มีรายได้รวม 2,500 ล้านบาท โดยที่ช่วงครึ่งปีแรก ที่ผ่านมานี้ สเวนเซ่นส์มียอดขายรวมแล้วประมาณ 1,600 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 20% ซึ่งมากกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ถึง 50% โดยสเวนเซ่นส์เป็นผู้นำตลาดไอศกรีมพรีเมียมมีส่วนแบ่งตลาด 70-75%
นายวิทยากล่าวต่อว่า สำหรับแผนรุกตลาดครึ่งปีหลังนี้ โดยเฉพาะล่าสุดนี้คือเทศกาลไหว้พระจันทร์ บริษัทฯได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อต้อนรับช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์คือ สเวนเซ่นส์มูนเค้ก มี 4 รสชาติคือ ม็อคค่าอัลมอนด์ฟัดจ์ รสหอมเข้มข้น, สตรอว์เบอร์รี่คอบเบลอร์ รสหวานหอมของสตรอว์เบอร์รี่, คุ้กกี้แอนด์ครีม รสคุกกี้เข้มข้น และชอกโกแลตอัลมอนด์บราวนนี่ รสชอกโกแลตพิเศษ จำหน่ายราคา 99 บาทต่อชิ้น, ราคา 189 บาทต่อ 2 ชิ้น เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. - 30 ก.ย. ศกนี้
“จริงๆแล้วเราทำมูนเค้กออกมาไม่ได้ต้องการไปแข่งขันอะไรกับใครหรอก เป็นเรื่องอของการสร้างสีสันมากกว่า ส่วนยอดขายก็ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 10 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 10 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ยอดขายรวมเติบโตขึ้นอีก 10% ในช่วงเทศกาลนี้ “ นายวิทยากล่าว
นอกจากนั้นยังมีแคมเปญใหญ่ๆตามมาอีกอย่างนอย 4 แคมเปญ ในช่วงครึ่งปีหลังนี้เช่น ชอคโกแลตเค้ก ไอศกรีมเจ เป็นต้น โดยทั้งหมดจะใช้งบตลาดประมาณ 10% จากยอดขายรวม อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาวัตถุดิบมีการปรับราคาขึ้นเฉลี่ย 15% แต่บริษัทฯยังตรึงราคาจำหน่ายไว้โดยหันไปใช้วิธีการลดต้นทุนทางด้านการจัดการ การบริหารแทน