xs
xsm
sm
md
lg

เซเว่นฯ ฉุนรัฐตรึงราคาสินค้า “พาณิชย์” ตอกฝาโลง ยางรถ-แบต-ผงชูรส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เซเว่นฯ ตำหนิรัฐตรึงราคาสินค้าไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง แนะควรแก้ที่ต้นเหตุมองความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลัก พร้อมระบุพรรคการเมืองไม่ควรใช้นโยบายขึ้นค่าแรงหาเสียง เพราะการขึ้นค่าแรงขึ้นอยู่กับยอดขายของบริษัทเอกชน "พาณิชย์" ตอกฝาโลง ห้ามยางรถยนต์ แบเตอร์รี่รถ ผงชูรส ขึ้นราคา กรมการค้าภายใน แฉผู้ประกอบการเหล็กอ้างต้นทุนนำเข้าเพิ่มขอปรับราคา แต่ผลการตรวจโกดังพบสต๊อกเก่าเหลือบาน

นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เปิดเผยว่า จากการที่ทางรัฐบาลได้กำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาราคาสินค้า ด้วยการใช้งบประมาณส่วนหนึ่งเพื่อตรึงราคาสินค้านั้น โดยส่วนตัวมองว่าเป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่ถูกต้องนัก เพราะจะทำให้เกิดปัญหากับผู้ผลิตสินค้าบริหารต้นทุนไม่ทัน และก่อให้เกิดการไม่นำสินค้าออกวางจำหน่าย จึงอยากฝากภาครัฐเข้าไปแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของกระบวนการ ด้วยการอาศัยหลักดีมานด์ซัพพลายเป็นกลไกในหลักการแก้ไขปัญหา

ส่วนนโยบายหาเสียงของแต่ละพรรคการเมืองที่ใช้การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำมาเป็นจุดขายนั้น โดยส่วนตัวมองว่านโยบายดังกล่าวเป็นการให้ความหวังล่วงหน้าและไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง แต่เป็นเรื่องของนายจ้างและลูกจ้างที่จะทำข้อตกลงมากกว่า เพราะการขึ้นค่าแรงขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการผลิต หากหน่วยงานใดผลิตสินค้าดีก็มีโอกาสขายได้มาก และนำไปสู่การขึ้นเงินเดือนลูกจ้างมากกว่าการเข้ามาชี้นำของพรรคการเมือง ซึ่งนโยบายดังกล่าวผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย

นายอนุรุทธิ์ โค้วคาสัย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้มีสินค้าหลายรายการที่เสนอขอปรับขึ้นราคามายัง กระทรวงพาณิชย์ อาทิ แบตเตอรี่รถยนต์ ยางรถยนต์ เหล็กแผ่น เหล็กเส้น สเตนเลส ผงชูรส เป็นต้น ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาต้นทุนอย่างละเอียด ในเบื้องต้น ยางรถยนต์ แบเตอร์รี่ ผงชูรส จะไม่อนุมัติให้มีการปรับขึ้นราคาเช่นกัน เพราะ กระทรวงพาณิชย์ต้องการบรรเทาภาระให้กับผู้บริโภคไปก่อน ในภาวะที่ค่าครองชีพสูง

ในส่วนของเหล็กเส้น เหล็กแผ่น และสเตนเลสนั้น ผู้ประกอบการเสนอขอปรับขึ้นราคาเฉลี่ยประมาณ 10% ซึ่ง ขณะที่ นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ได้สั่งให้ กรมการค้าภายใน ออกตรวจสอบสต็อกของผู้ประกอบการเพื่อนำข้อมูลมาพิจารณาปรับราคา ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าผู้ประกอบการมีสต็อกเหล็ก ซึ่งเป็นต้นทุนนำเข้าเก่าเหลือใช้ได้อีก 2-3 เดือน ดังนั้นจึงถือว่าผู้ประกอบการเหล็กจึงยังไม่มีภาระต้นทุนนำเข้าเพิ่มขึ้น

ประกอบกับก่อนหน้านี้ ทาง กรมการค้าต่างประเทศ ได้ประกาศใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดเหล็กจากต่างประเทศ ส่งผลให้เหล็กจากต่างประเทศนำเข้ามายังไทยน้อยลง ทำให้ผู้ผลิตภายเหล็กภายในในได้ประโยชน์จากการค้าขายเหล็กแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยอีกด้วย

“รมว.พาณิชย์ เห็นว่า ผู้ประกอกบารายังพอมีสต๊อกเหล็กต้นทุนเก่าเหลือใช้อีก 2-3 เดือน เพราะฉะนั้นจึงยังไม่อนุมัติให้มีการปรับขึ้นจากในช่วง 2-3 เดือนต่อจากนี้ โดยจะไม่มีการเรียกประชุมอนุกรรมการ พิจารณาราคาเหล็กเส้น และเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ เพื่อพิจารณาปรับราคาแนะนำเหล็กแน่นอน” นายอนุรุทธิ์ กล่าวสรุป
กำลังโหลดความคิดเห็น