xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าสัว “ธนินท์” หนุนคลื่นลูกใหม่สู่การเมือง ย้ำทฤษฎี 2 สูง แก้ของแพง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธนินท์ เจียรวนนท์
เจ้าสัว “ซีพี” ชมเปาะ ศก.ไทยยุคนี้ พื้นฐานแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นับตั้งแต่ทำธุรกิจมา 47 ปี หากการเมืองนิ่ง ศก.ไทยพุ่งไม่หยุดแน่ แต่ต้องมีผู้นำที่กล้าได้กล้าเสียด้านการลงทุน หนุนให้ดึงคนรุ่นใหม่มีความสามารถเข้าไปทำงานการเมือง พร้อมย้ำทฤษฎี 2 สูง เพิ่มรายได้แก้ของแพง ไม่ใช่เข้าไปควบคุมราคา “สมคิด” หวังเห็นการเมืองแบบรัฐบุรุษมากกว่าแบบศรีธนญชัย แนะจับตาหลังเลือกตั้ง อาจเป็นจุดเปลี่นของประเทศไทย “อนุพงษ์” แนะนักการเมืองอย่าดีแต่พูด

นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) กล่าวในงานสัมมนา Thailand Lecture 3rd “WISDOM for change” หัวข้อบริบทใหม่ทางธุรกิจการค้า จัดโดย สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โดยมองว่า พื้นฐานเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันตั้งแต่ทำธุรกิจซีพีมา 47 ปี มีความแข็งแกร่งมาก แนวโน้มจะเติบโตได้มากในเวทีโลกภายใต้เงื่อนไขการเมืองนิ่ง ไม่มีสีเหลืองสีแดง

ขณะเดียวกัน ผู้นำประเทศควรมีวิสัยทัศน์และมีเป้าหมายบริหารงานที่ชัดเจน เช่น กล้าตัดสินใจนำทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศที่มีอยู่ถึง 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ บางส่วนออกมาใช้ประโยชน์ทางการค้าการลงทุน เพื่อให้เกิดดอกออกผลเหมือนกับหลายประเทศที่พัฒนาแล้ว เพราะไทยมีคนเก่งจำนวนมากบริหารเงินดังกล่าวได้

นอกจากนี้ การพัฒนาธุรกิจที่มีศักยภาพ เช่น การท่องเที่ยว ด้วยการออกไปศึกษาวิจัยประเทศที่ประสบผลสำเร็จในการรายได้จากการท่องเที่ยว เพื่อดึงนักท่องเที่ยวที่มีรายได้สูง เช่น จีน อินเดีย รัสเซีย โดยเพียงดึงคนรวยกลุ่มดังกล่าวร้อยละ 10 มาเที่ยวประเทศไทยก็สามารถฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวได้อย่างมาก และทำให้ธุรกิจต่อเนื่องทั้งร้านอาหาร โรงแรม สินค้าโอทอป มีรายได้สูงขึ้นตามไปด้วย

ขณะที่สินค้าเกษตรของไทยมีศักยภาพอย่างมากสามารถส่งออกอันดับ 1 ของโลกได้ ทั้งยางพารา ข้าว กุ้ง ส่วนอ้อยส่งออกอันดับ 2 แต่เกษตรกรผู้ผลิตสินค้าดังกล่าวกลับยากจน จึงต้องเข้าไปดูแลให้กลุ่มดังกล่าวสามารถมีรายได้ออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศเหมือนเกษตรกรในเกาหลี ญี่ปุ่น โดยรัฐบาลควรหาทางสร้างรายได้ให้เกษตรกร เพิ่มรายได้ข้าราชการ เพื่อให้มีรายได้สูง ขณะที่มหาวิทยาลัยควรผลิตบัณฑิตออกมาให้ตรงกับตลาดแรงงาน

นายธนินท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า พรรคการเมืองต่างๆ ที่ออกนโยบาย เพื่อเรียกคะแนนเสียงต้องระบุให้ชัดเจนว่าสามารถทำได้ และแนะว่าจะหาช่องทางนำรายได้จากที่ใดมารองรับโครงการต่างๆ โดยรัฐบาลควรดึงผู้มีความรู้ความสามารถทั้งนักวิชาการ เอกชน ที่มีจำนวนมากไปช่วยงาน เพราะเชื่อว่าประเทศจะหาทางออกได้ โดยการเมืองต้องอย่าทำเพื่อการเมือง การเมืองต้องทำเพื่อประเทศชาติ

ทั้งนี้ หากก้าวออกมาทำประโยชน์ให้ประชาชนต้องมีคนวิพากษ์วิจารณ์ ที่สำคัญต้องยอมปล่อยให้ราคาสินค้าบางชนิดเป็นไปตามกลไกตลาด เพราะราคาน้ำมันมีแนวโน้มสูงขึ้น ราคาสินค้าย่อมสูงขึ้นไปด้วย หากใช้วิธีกดราคาก็จะควบคุมได้ไม่นาน ดังนั้น จึงต้องปล่อยให้ราคาสินค้าสูง ราคาสินค้าเกษตรสูง เกษตรกรมีรายได้ หาแนวทางเพิ่มรายได้แรงงานและข้าราชการ เศรษฐกิจตามทฤษฎี 2 สูง ก็จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไป

**คาดหลังเลือกตั้ง จุดเปลี่ยนประเทศ

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวในหัวข้อ “นโยบายเศรษฐกิจ เข็มทิศประเทศไทย” โดยระบุว่า ในอนาคตประเทศยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงหลายด้าน โดยต้องการเห็นการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย เพื่อพ้นจากความสับสนวุ่นวายกลับมาเป็นปกติสุขเหมือนเดิม เพื่อเปลี่ยนผ่านนโยบายด้านเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ใช่หาเสียงเอาใจประชาชนเพื่อหวังผลทางการเมืองในการขอคะแนนเสียงช่วงสั้น ไม่ใช่การหาประโยชน์จากความไม่รู้ของประชาชน แต่ต้องเพื่อประโยชน์กับประชาชน

นายสมคิด กล่าวว่า ประชาชนเลือกพรรคไหนก็ได้ แต่ขอให้เป็นพรรคที่รู้ว่าประเทศต้องเดินไปข้างหน้าอย่างไร ไม่ใช้ตั้งคนที่สั่งได้มาเป็นรัฐมนตรี หรือการเล่นศรีธนญชัยไปวันๆ ไม่เช่นนั้นจะแข่งขันกับต่างประเทศไม่ได้ เพราะเมื่อประเทศต้องเผชิญกับความเสี่ยงในหลายด้าน จึงต้องเร่งปรับปรุงในหลายด้านให้กลับมายืนอยู่บนเวทีโลกได้เหมือนเดิม จากที่เคยเป็นผู้นำอาเซียนแต่ขณะนี้หลายประเทศกลับไม่แน่ใจในประเทศไทย แถมยังมีปัญหาให้เพื่อนบ้านคอยช่วยเหลืออีก หากไม่เร่งปรับปรุงแก้ไขจะไม่มีประเทศใดเกรงใจหรือสนใจประเทศไทยแล้ว เนื่องจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไทยหยุดการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ทั้งรถไฟฟ้า ระบบโลจิสติกส์ ชลประทาน จนทำให้เพื่อนบ้านแซงประเทศไทยไปหมดแล้ว ดังนั้นไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลต้องเร่งทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืนและกระจายความเจริญออกไปอย่างทั่วถึง

“เมื่อต้องการให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างเข้มแข็ง ต้องมุ่งพัฒนาในกลุ่มที่มีศักยภาพทั้งอาหารและพลังงาน นำแบบอย่างที่ดีของต่างประเทศมาพัฒนา เช่น บราซิล นำทุ่งหญ้าที่ปลูกอะไรไม่ได้มาทำการปลูกหญ้าพันธุ์ดีเลี้ยงวัวส่งเนื้อออกเป็นอันดับหนึ่งของโลก และสามารถปลูกข้าวสาลีที่ขึ้นเฉพาะในเขตหนาวให้สามารถปลูกได้ในเขตร้อนและยังมีรสชาติที่ดีด้วย นิวซีแลนด์ ตั้งคณะกรรมการดูแลตั้งแต่การผลิตสินค้าเกษตร การทำตลาด การโปรโมทแบรนด์สินค้า จนมีชื่อเสียงของกีวีฟู๊ด โด่งดังไปทั่วโลก ดังนั้นพรรคการเมืองอย่ามุ่งแต่ประกันราคา หรือประกันรายได้ ควรหาทางให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มรองรับการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีราคาแพงได้ เพราะคนที่ปลูกพืชเกษตรกลับไม่มีเงินซื้อสินค้าในการครองชีพได้”

ส่วนการดำเนินนโยบายต่างประเทศ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องเน้นสานความสัมพันธ์กับจีน ญี่ปุ่น เพราะจีนในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีเศรษฐกิจเติบโตเป็นอันดับ 1 ของโลก ต้องการนำเงินทุนออกไปขยายการลงทุนในอาเซียนอีกเป็นจำนวนมาก ญี่ปุ่น ต้องการเปลี่ยนฐานการลงทุนมาสู่อาเซียน และการรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน สิ่งเหล่านี้รัฐบาลต้องมีนโยบายที่ชัดเจน การพัฒนาเมืองของประเทศปัจจุบันให้ความสำคัญกับกรุงเทพฯ มากเกินไป จนเศรษฐกิจทุกอย่างต้องขับเคลื่อนจากเมืองหลวง ดังนั้น จึงควรกระจายการพัฒนาไปยังหัวเมืองต่าง ๆ ให้เติบโต ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นนักพัฒนา เพื่อให้การพัฒนาทุกด้านทำโดยท้องถิ่นตรงตามความต้องการและศักยภาพของท้องถิ่น โดยรัฐบาลกลางควรพัฒนาเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ ดังนั้น เพื่อให้แข่งขันกับประเทศต่าง ๆได้ ทุกคนต้องร่วมกันเปลี่ยนผ่านนโยบายเศรษฐกิจโดยมีแผนและยุทธศาสตร์อย่างชัดเจน

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก กล่าวในหัวข้อ “ความมั่นคงของประเทศไทย” โดยมองว่า ระบบการปกครองของไทยเป็นระบบที่ดีระบบหนึ่ง แต่ระบบจะดีได้ต้องอยู่ที่การพัฒนาของพรรคการเมืองและประชาชน เพราะพรรคการเมืองขณะนี้ออกนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง เห็นว่ามีหลายโครงการ แต่ประชาชนต้องผลักดันให้พรรคต่างๆ ทำได้ตามที่พูดไว้ หรืออยากให้ประชาชนเลือกพรรคใดพรรคหนึ่งให้มีเสียงข้างมากชัดเจน เพื่อสามารถผลักดันนโยบายที่สำคัญตามที่สัญญาไว้ ขณะที่ประชาชนมักพูดว่าต้องเลือกคนดีเข้าสภา ต้องดูว่าเป็นคนดีอย่างไร เลือกเข้าไปทำหน้าที่อะไรบ้าง เพราะหากประชาชนเลือกเข้าไปผลก็จะออกมาตามบุคคลที่เลือกไป

รายงานเพิ่มเติมระบุว่า บรรยากาศภายในงาน Thailand Lecture 3rd “WISDOM for change” มีการเป็นการเชิญบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการต่างๆ เช่น นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรคการเมืองทั้ง 5 พรรค ประกอบด้วย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย มาร่วมแสดงทัศนคติ ทั้งมุมมองทางด้านเศรษฐกิจ และการเมืองของไทยในอนาคต โดยได้รับความสนใจจากนักศึกษา นักธุรกิจ และนักวิชาการ รวมถึงสื่อมวลชน เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก





กำลังโหลดความคิดเห็น