เริ่มกันที่สัญญาณเตือนจากแบงก์ชาติ ขณะนี้เม็ดเงินต่างชาติเริ่มไหลออก ที่สำคัญความผันผวนมากขึ้น นักลงทุนโปรดใช้ความระมัดระวัง โดยเฉพาะใครที่นิยมได้เสียในตลาดหุ้น...
"ประสาร ไตรรัตน์วรกุล" เปิดเผยการไหลเข้า-ออกของเงินทุนต่างชาติช่วง 5 เดือนแรกของปี 54 สุทธิไหลเข้า 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนใหญ่ลงทุนในตราสารหนี้ ไม่ใช่ตลาดหุ้น!!..
"ผู้ว่าฯ ประสาร" ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวระหว่างไปเยี่ยมชม "แปลงเกษตรครบวงจร" ของบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด หรือ บสก.ที่กองทุนฟื้นฟูฯ ถือหุ้น 100%"ประสาร" บอกว่าในอนาคตแม้กองทุนฟื้นฟูฯ จะปิดตัวลง แต่ บสก.ควรมีอยู่ในระบบเศรษฐกิจต่อไป เพราะมีศักยภาพที่ดี เป็นกลไกที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาสินทรัพย์จากการรับซื้อสินทรัพย์จากสถาบันการเงิน...
พูดถึง "แปลงเกษตร" บสก. เนรมิตรจากที่ดินรกร้างว่างเปล่า ปล่อยไปยิ่งเสื่อมโทรม จึงเกิดไอเดียสร้างสรรค์ เดินหน้าพลิกฟื้นผืนดินในพอร์ตทั่วประเทศ ให้เป็นที่ทำกินที่มีมูลค่าเพิ่ม อุดมไปด้วยผักสวนครัว สมุนไพรและผลไม้หายาก เมื่อสามารถเก็บดอกออกผลได้แล้ว เปิดประมูลให้ผู้ที่สนใจในราคาดีที่สุดเพื่อเป็นรายได้ควบคู่กับการยกระดับเกษตรกรไทย บสก.ก็มีเงินส่งให้กองทุนฟื้นฟูฯ...
ดีใจด้วยกับผู้บริหารและ พนักงาน บสก.ที่วันนี้อนาคตสดใส แถมมีแผนเข้าตลาดหุ้นอีกต่างหาก!!..
อย่างว่า ในข่าวดี ยังมีข่าวร้าย เป็นข่าวร้ายของคนในวงการบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) วันนี้ถึงคิว "บริษัทบริหารสินทรัพย์ไทย หรือ บสท." หน่วยงานพิเศษอีกแห่ง ต้องปิดตัวลง!....
บสท.เป็นองค์กรเฉพาะกิจ ตาม พ.ร.ก.ที่รัฐบาลทักษิณดำริขึ้นเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 44 อ้างว่าเพื่อบริหารหนี้และสินทรัพย์สถาบันการเงินที่เจ๊ง จากวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อปี 40 ย้ำ ตราไว้ตามกฎหมายพิเศษก็เพราะหวังให้การแก้หนี้เสียให้ "พลิกฟื้นอย่างรวดเร็ว!!.."
ผ่านไป 10 ปี การปรับโครงสร้างหนี้บาง case ผู้บริหารและบอร์ดบางชุดรับใช้นักการเมือง ประเคนทรัพย์สินผืนงามให้เครือข่ายธุรกิจทางการเมือง หรือบางรายฟ้องร้อง ขึ้นโรงขึ้นศาลซ้ำสอง วันนี้ก็ยังคาศาลอยู่ ค่อยว่ากัน แต่โดยรวม "ต้องปรบมือให้" จากสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ บสท.รับโอนมาทั้งสิ้น 7.75 แสนล้านบาท วันนี้ทำการปรับโครงสร้างหนี้จนมีข้อยุติเกือบ 100%...
แม้ยังเหลือทรัพย์สินที่รอการชำระบัญชีส่งมอบให้คลัง 1.6 แสนล้านบาท แต่ตามกฎหมายวันนี้ (8 มิ.ย.) "ต้องปิด!!!..."
แน่นอน! พนักงาน 400 คน ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป เหลือเพียง "คณะกรรมการผู้ชำระบัญชี" ประมาณ 7 คน ต้องการพนักงานไม่ถึง 100 คน เป็นลูกมือช่วยทำงานก่อนส่งมอบให้กระทรวงการคลังภายใน 12 เดือน ดังนั้นพนักงานอีก 300 ชีวิต "กลายเป็นคนว่างงาน!!..."
แม้พนักงานรู้วัน "ตกงาน" ล่วงหน้า แถมได้เงินตอบแทนพอสมน้ำสมเนื้อ ทว่ายังไงยัง "น่าใจหาย" อยู่ดี ยังไงขอเป็นกำลังใจให้ ทั้งผู้บริหารและพนักงานทุกคน "โชคดี สวัสดี..."
"ประสาร ไตรรัตน์วรกุล" เปิดเผยการไหลเข้า-ออกของเงินทุนต่างชาติช่วง 5 เดือนแรกของปี 54 สุทธิไหลเข้า 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนใหญ่ลงทุนในตราสารหนี้ ไม่ใช่ตลาดหุ้น!!..
"ผู้ว่าฯ ประสาร" ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวระหว่างไปเยี่ยมชม "แปลงเกษตรครบวงจร" ของบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด หรือ บสก.ที่กองทุนฟื้นฟูฯ ถือหุ้น 100%"ประสาร" บอกว่าในอนาคตแม้กองทุนฟื้นฟูฯ จะปิดตัวลง แต่ บสก.ควรมีอยู่ในระบบเศรษฐกิจต่อไป เพราะมีศักยภาพที่ดี เป็นกลไกที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาสินทรัพย์จากการรับซื้อสินทรัพย์จากสถาบันการเงิน...
พูดถึง "แปลงเกษตร" บสก. เนรมิตรจากที่ดินรกร้างว่างเปล่า ปล่อยไปยิ่งเสื่อมโทรม จึงเกิดไอเดียสร้างสรรค์ เดินหน้าพลิกฟื้นผืนดินในพอร์ตทั่วประเทศ ให้เป็นที่ทำกินที่มีมูลค่าเพิ่ม อุดมไปด้วยผักสวนครัว สมุนไพรและผลไม้หายาก เมื่อสามารถเก็บดอกออกผลได้แล้ว เปิดประมูลให้ผู้ที่สนใจในราคาดีที่สุดเพื่อเป็นรายได้ควบคู่กับการยกระดับเกษตรกรไทย บสก.ก็มีเงินส่งให้กองทุนฟื้นฟูฯ...
ดีใจด้วยกับผู้บริหารและ พนักงาน บสก.ที่วันนี้อนาคตสดใส แถมมีแผนเข้าตลาดหุ้นอีกต่างหาก!!..
อย่างว่า ในข่าวดี ยังมีข่าวร้าย เป็นข่าวร้ายของคนในวงการบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) วันนี้ถึงคิว "บริษัทบริหารสินทรัพย์ไทย หรือ บสท." หน่วยงานพิเศษอีกแห่ง ต้องปิดตัวลง!....
บสท.เป็นองค์กรเฉพาะกิจ ตาม พ.ร.ก.ที่รัฐบาลทักษิณดำริขึ้นเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 44 อ้างว่าเพื่อบริหารหนี้และสินทรัพย์สถาบันการเงินที่เจ๊ง จากวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อปี 40 ย้ำ ตราไว้ตามกฎหมายพิเศษก็เพราะหวังให้การแก้หนี้เสียให้ "พลิกฟื้นอย่างรวดเร็ว!!.."
ผ่านไป 10 ปี การปรับโครงสร้างหนี้บาง case ผู้บริหารและบอร์ดบางชุดรับใช้นักการเมือง ประเคนทรัพย์สินผืนงามให้เครือข่ายธุรกิจทางการเมือง หรือบางรายฟ้องร้อง ขึ้นโรงขึ้นศาลซ้ำสอง วันนี้ก็ยังคาศาลอยู่ ค่อยว่ากัน แต่โดยรวม "ต้องปรบมือให้" จากสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ บสท.รับโอนมาทั้งสิ้น 7.75 แสนล้านบาท วันนี้ทำการปรับโครงสร้างหนี้จนมีข้อยุติเกือบ 100%...
แม้ยังเหลือทรัพย์สินที่รอการชำระบัญชีส่งมอบให้คลัง 1.6 แสนล้านบาท แต่ตามกฎหมายวันนี้ (8 มิ.ย.) "ต้องปิด!!!..."
แน่นอน! พนักงาน 400 คน ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป เหลือเพียง "คณะกรรมการผู้ชำระบัญชี" ประมาณ 7 คน ต้องการพนักงานไม่ถึง 100 คน เป็นลูกมือช่วยทำงานก่อนส่งมอบให้กระทรวงการคลังภายใน 12 เดือน ดังนั้นพนักงานอีก 300 ชีวิต "กลายเป็นคนว่างงาน!!..."
แม้พนักงานรู้วัน "ตกงาน" ล่วงหน้า แถมได้เงินตอบแทนพอสมน้ำสมเนื้อ ทว่ายังไงยัง "น่าใจหาย" อยู่ดี ยังไงขอเป็นกำลังใจให้ ทั้งผู้บริหารและพนักงานทุกคน "โชคดี สวัสดี..."