“คมนาคม” เรียก ขสมก.-ขนส่งทางบก ถกมาตรการควบคุมรถสาธารณะวันนี้ เล็งออกกฎล็อกความเร็ว รถเมล์ รถตู้ห้ามวิ่งเกิน 60 กม./ชม.และห้ามแซง
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณีรถประจำทางสาย 39 พุ่งชนป้ายรถเมล์ปากซอยพหลโยธินทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย ว่า ในวันนี้ (8 มิ.ย.) ได้เรียกองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และกรมขนส่งทางบก (ขบ.) มาหารือเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันอุบัติเหตุจากรถโดยสารสาธารณะทั้งรถโดยสารประจำทาง และรถตู้โดยสาร โดยมาตรการเบื้องต้น คือ การจำกัดความเร็วรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท ไว้ที่ไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยติดตั้งระบบล็อกความเร็วอัตโนมัติ, บังคับวิ่งเลนซ้าย และห้ามแซง เพื่อป้องกันไม่ให้เบียดกันเข้าป้ายเพื่อแย่งผู้โดยสารกัน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ โดยแนวทางอาจจะออกเป็นกฎกระทรวง ควบคุมเป็นภาพรวมรถสาธารณะ
ส่วนการผ่อนผันให้ผู้ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 23 ปี สามารถขับรถโดยสารสาธารณะได้ จากเดิมต้องไม่ต่ำกว่า 25 ปี โดยเอกชนอ้างว่า ไม่สามารถหาคนขับรถได้จึงต้องลดอายุลงนั้น เรื่องนี้ต้องทบทวน เพราะถือว่าอายุต่ำเกินไป ทำให้ยังไม่มีวุฒิภาวะ โดยที่ผ่านมา รถโดยสารสาธารณะทำผิดบ่อย ใช้ความเร็วเกินกำหนด แซง จอดรับส่งผู้โดยสารกลางถนน แม้มีการทำโทษ แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ ซึ่งต้องดำเนินการจริงจังมากกว่านี้
นายโอภาส เพชรมุณี ผู้อำนวยการ ขสมก.กล่าวว่า ที่ผ่านมา ขสมก.ได้ยกเลิกสัญญาสัมปทาน รถเมล์สาย 6 และสาย 88 ไปแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างหาผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาเดินรถ และกำลังพิจารณาเพื่อยกเลิกสัมปทานสาย 186 และสาย 537 ส่วนสาย 8 แฮปปี้แลนด์-สะพานพุทธ มีปัญหาร้องเรียนการบริการเข้ามามากที่สุด ขสมก.ได้สั่งการให้ผู้ประกอบการที่รับสัมปทานทั้ง 6 ราย ไปจัดทำตารางเดินรถใหม่ ให้เป็นตารางเดียวกัน เพื่อให้เริ่มต้นเส้นทางจากจุดเดียวกัน จากที่ออกจาก 4 จุด ทำให้มีการวิ่งแข่งกัน แย่งผู้โดยสารกัน
ส่วนรถเมล์สาย 39 ที่ชนคนเสียชีวิตนั้น ที่ผ่านมา ยังไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน จึงให้ทำทัณฑ์บนไว้ ให้รถคันดังกล่าวหยุดวิ่ง 2 เดือน หากมีการกระทำผิดอีกครั้งเดียวก็จะยกเลิกสัญญาสัมปทานทันที ส่วนการช่วยเหลือผู้ที่เสียชีวิตเบื้องต้น บริษัทเดินรถได้จ่ายชดเชยให้เบื้องต้น 1 แสนบาท ส่วนที่เหลือต้องรอผลการสอบสวนทางกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า จุดอ่อนของขสมก.คือ รถไม่เพียงพอ ทำให้บางเส้นทางต้องให้เอกชนมาวิ่ง
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณีรถประจำทางสาย 39 พุ่งชนป้ายรถเมล์ปากซอยพหลโยธินทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย ว่า ในวันนี้ (8 มิ.ย.) ได้เรียกองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และกรมขนส่งทางบก (ขบ.) มาหารือเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันอุบัติเหตุจากรถโดยสารสาธารณะทั้งรถโดยสารประจำทาง และรถตู้โดยสาร โดยมาตรการเบื้องต้น คือ การจำกัดความเร็วรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท ไว้ที่ไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยติดตั้งระบบล็อกความเร็วอัตโนมัติ, บังคับวิ่งเลนซ้าย และห้ามแซง เพื่อป้องกันไม่ให้เบียดกันเข้าป้ายเพื่อแย่งผู้โดยสารกัน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ โดยแนวทางอาจจะออกเป็นกฎกระทรวง ควบคุมเป็นภาพรวมรถสาธารณะ
ส่วนการผ่อนผันให้ผู้ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 23 ปี สามารถขับรถโดยสารสาธารณะได้ จากเดิมต้องไม่ต่ำกว่า 25 ปี โดยเอกชนอ้างว่า ไม่สามารถหาคนขับรถได้จึงต้องลดอายุลงนั้น เรื่องนี้ต้องทบทวน เพราะถือว่าอายุต่ำเกินไป ทำให้ยังไม่มีวุฒิภาวะ โดยที่ผ่านมา รถโดยสารสาธารณะทำผิดบ่อย ใช้ความเร็วเกินกำหนด แซง จอดรับส่งผู้โดยสารกลางถนน แม้มีการทำโทษ แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ ซึ่งต้องดำเนินการจริงจังมากกว่านี้
นายโอภาส เพชรมุณี ผู้อำนวยการ ขสมก.กล่าวว่า ที่ผ่านมา ขสมก.ได้ยกเลิกสัญญาสัมปทาน รถเมล์สาย 6 และสาย 88 ไปแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างหาผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาเดินรถ และกำลังพิจารณาเพื่อยกเลิกสัมปทานสาย 186 และสาย 537 ส่วนสาย 8 แฮปปี้แลนด์-สะพานพุทธ มีปัญหาร้องเรียนการบริการเข้ามามากที่สุด ขสมก.ได้สั่งการให้ผู้ประกอบการที่รับสัมปทานทั้ง 6 ราย ไปจัดทำตารางเดินรถใหม่ ให้เป็นตารางเดียวกัน เพื่อให้เริ่มต้นเส้นทางจากจุดเดียวกัน จากที่ออกจาก 4 จุด ทำให้มีการวิ่งแข่งกัน แย่งผู้โดยสารกัน
ส่วนรถเมล์สาย 39 ที่ชนคนเสียชีวิตนั้น ที่ผ่านมา ยังไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน จึงให้ทำทัณฑ์บนไว้ ให้รถคันดังกล่าวหยุดวิ่ง 2 เดือน หากมีการกระทำผิดอีกครั้งเดียวก็จะยกเลิกสัญญาสัมปทานทันที ส่วนการช่วยเหลือผู้ที่เสียชีวิตเบื้องต้น บริษัทเดินรถได้จ่ายชดเชยให้เบื้องต้น 1 แสนบาท ส่วนที่เหลือต้องรอผลการสอบสวนทางกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า จุดอ่อนของขสมก.คือ รถไม่เพียงพอ ทำให้บางเส้นทางต้องให้เอกชนมาวิ่ง
