“พรทิวา” เผย ศก.โลกดี ส่งออกไทย เม.ย.ยังเติบโตได้ 24.65% มั่นใจ รบ.รักษาการ ยังคุมราคาสินค้าได้ สั่ง “เจ๊วัช-ยรรยง” ดูแลไม่ให้ ปชช.เดือดร้อน
นางพรทิวา นาคาศัย รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยตัวเลขการส่งออกเดือนเมษายน 2554 พบว่า มีมูลค่า 17,564 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสินค้าส่งออกที่สำคัญเพิ่มขึ้นในทุกหมวด โดยเฉพาะสินค้าเกษตร หรืออุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 อาทิ ยางพารา ขยายตัวถึงร้อยละ 104.8 และ ข้าว ขยายตัวร้อยละ 46.3 เช่นเดียวกับสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.8
โดยสินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นเกือบทุกรายการ ยกเว้น ยานยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ลดลงร้อยละ 5.4 ส่วนการส่งออกในระยะ 4 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-เมษายน ) มีมูลค่า 74,438.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.39 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ตลาดส่งออกที่สำคัญทั้งในตลาดหลักเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร้อยละ 33.3 โดยเฉพาะญี่ปุ่น ที่ส่งออกขยายตัวสูงขึ้นร้อยละ 39.5 และตลาดศักยภาพรอง ขยายตัวสูงขึ้นเพียงร้อยละ 1 เนื่องจากส่งออกไปออสเตรเลีย ลดลงถึงร้อยละ 36.9
ขณะที่ตัวเลขการนำเข้าเดือนเมษายน 2554 มีมูลค่า 18,360.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.9 ซึ่งสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้นทุกกลุ่ม อาทิ สินค้าวัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.6 สินค้าทุน เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.4 และสินค้าเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นร้อยละ 49.7 ส่วนการนำเข้าในระยะ 4 เดือน (มกราคม-เมษายน ) มีมูลค่า 72,537.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้าเดือนเมษายน 2554 มูลค่า 796.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ในระยะ 4 เดือนแรกของปีนี้ ไทยยังคงได้ดุลการค้ารวม 1,900.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ทั้งนี้ แม้ในเดือนเมษายน การส่งออกไทยจะขาดดุลจากการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง แต่ในภาพรวม 4 เดือนยังคงเกินดุล และตลอดทั้งปีจะไม่ขาดดุลการค้าอย่างแน่นอน โดยกระทรวงพาณิชย์ ได้ปรับการส่งออก ทั้งปี 2554 จากขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เป็นขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 12-15 โดยปัจจัยลบที่ยังคงต้องติดตาม คือ เรื่องของราคาน้ำมัน ราคาสินค้าเกือบทุกหมวด โดยเฉพาะกลุ่มอาหาร และสินค้าอุปโภคและบริโภค ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทั่วโลก ค่าเงินบาท อัตราดอกเบี้ย การขาดแคลนแรงงาน รวมทั้งนโยบายการฟื้นฟูประเทศของญี่ปุ่น ซึ่งเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในครึ่งปีหลัง ส่วนปัจจัยบวก ตามเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว และประเทศไทยได้เปรียบจากความเข้มแข็งทางการผลิตสินค้าเกษตร
นอกจากนี้ ยังเชื่อว่า ทั้งปีนี้ไทยจะสามารถส่งออกข้าวได้เกินจากเป้าที่ตั้งไว้ 9.5 ล้านตัน เนื่องจากในช่วงระยะ 4 เดือนที่ผ่านมา ไทยส่งออกข้าวได้เฉลี่ยถึงเดือนละกว่า 1 ล้านตัน
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ เตรียมประชุมทูตพาณิชย์ ในงานแสดงสินค้าอาหาร 2554 หรืองาน THAI-FEX WORLD OF FOOD ASIA ช่วงปลายเดือนนี้ มอบนโยบายเพิ่มเติมในการผลักดันการส่งออก เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของภาวะตลาดโลก
ส่วนการดูแลราคาสินค้า แม้จะเป็นช่วงการยุบสภา และเข้าสู่ช่วงการเลือกตั้ง เชื่อว่า จะไม่เกิดสุญญากาศในการทำงาน โดยกระทรวงพาณิชย์ ยังคงให้ความสำคัญการดูแลราคาสินค้าเป็นอันดับแรก โดยยืนยันขณะนี้ยังไม่มีสินค้ารายการอื่นขอยื่นปรับราคาเข้ามา
พร้อมระบุว่า ในช่วงที่ยังเป็นรัฐบาลรักษาการ และระหว่างการเลือกตั้ง ตนได้มอบหมายให้ ปลัดกระทรวงพาณิชย์และกรมการค้าภายใน ดูแลในเรื่องของการควบคุมราคาสินค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน
โดยขณะนี้ ยังไม่มีผู้ประกอบการเสนอขอปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นมายังกระทรวงพาณิชย์ นอกจากนี้ในส่วนของสินค้าจำเป็นอื่นๆ ทั้งเนื้อหมูและไข่ไก่ ได้มีการปรับราคาลดลงแล้ว ตามสภาพอากาศ และการผลิตที่เพิ่มมากขึ้น