นายแบงก์ มั่นใจ ช่วงสุญญากาศก่อนมีรัฐบาลใหม่ ไม่กระทบนโยบายตลาดเงิน-สินเชื่อแบงก์พาณิชย์ แต่ให้ระวังเอ็นพีแอลภาคปิโตรเคมี เพราะมีการขยายลงทุนเกินขนาด พร้อมเห็นพ้อง “บิ๊กบางจาก” ให้จับตาผลเลือกตั้ง พรรคที่ชนะ และการจัดตั้งรัฐบาลได้จริงหรือไม่ ส่วนนโยบายด้านพลังงาน คาดทุกพรรคไม่ต่างกันมากนัก ยันภาคเอกชนต้องการให้สร้างความสงบสุข เดินหน้าพัฒนาประเทศ
นายบัณฑูร ล่ำซ่ำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยหลังการยุบสภา โดยเชื่อว่า ตลาดการเงินยังเดินหน้าได้ในช่วงสุญญากาศ ก่อนที่จะมีรัฐบาลใหม่ และไม่น่าส่งผลกระทบต่อการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ พร้อมคาดว่า สินเชื่อของธนาคารกสิกรฯ จะขยายตัวร้อยละ 7-9 ซึ่งเติบโตค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับธนาคารอื่น เพราะไม่ได้เน้นปล่อยสินเชื่อรายใหญ่ แต่ เน้นรายย่อยเป็นหลัก
“การปล่อยสินเชื่อรายใหญ่ในปัจจุบันมีการแข่งขันรุนแรง โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซึ่งหากปล่อยสินเชื่อให้มีการขยายการลงทุนมากเกินไป จนกำลังการผลิตเกินความต้องการ อาจทำให้เกิดปัญหาหนี้เสียจนส่งผลกระทบต่อระบบการเงินโดยรวม ดังนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด”
นายบัณฑูร ยังมีความเห็นตรงกับ นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ซึ่งมองว่า การเลือกตั้งใหม่ถือเป็นเรื่องปกติตามระบอบประชาธิปไตย และต้องติดตามหลังเลือกตั้งว่า พรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุดจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ และนโยบายการบริหารประเทศจะเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ โจทย์สำคัญที่รัฐบาลชุดใหม่จะต้องเร่งดำเนินการ คือ การทำให้สังคมเกิดความสงบสุข มีเสถียรภาพ และพัฒนาต่อไปได้ นอกจากนี้ ยังเห็นด้วยที่จะให้มีการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำให้สอดคล้องกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น แต่จะต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตควบคู่ไปด้วย
ส่วนนโยบายด้านพลังงาน นายอนุสรณ์ กล่าวว่า รัฐบาลใหม่ควรเร่งสานต่อนโยบายเดิมให้เป็นรูปธรรม แต่เชื่อว่า นโยบายด้านพลังงานของแต่ละพรรคการเมืองคงไม่แตกต่างกันมากนัก โดยเฉพาะเรื่องของความมั่นคงด้านพลังงาน ที่มีเป้าหมายลดการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ
