กฟผ.จี้รัฐบาลเลิกตรึงค่าไฟฟ้าเอฟที พร้อมประเมินการตรึงราคานานเกินไป ส่งผลกระทบค่าไฟทรงตัวสูงระยะยาว เหตุความต้องการเชื้อเพลิงผลิตสูงขึ้น
นายสุทัศน์ ปัทมศิริวัฒน์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลกมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ของประเทศไทยในงวดเดือนพฤษภาคม 2554 ถึงเดือนสิงหาคม 2554 จะปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากค่าเอฟทีงวดปัจจุบันคิดที่ฐานราคาน้ำมัน 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ตามที่มีการเสนอให้มีการตรึงค่าเอฟที เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับประชาชน โดยให้ กฟผ.รับภาระไปก่อนนั้น ตนเห็นว่าการตรึงราคาค่าเอฟทีสามารถทำได้ระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากภาระนี้จะสะท้อนกลับไปสู่ประชาชน ในรูปแบบของค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นในอนาคต ซึ่งแนวโน้มราคาค่าไฟขณะนี้มีปัจจัยชี้ว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเชื้อเพลิงธรรมชาติ ที่เป็นเชื้อเพลิงหลักของประเทศไทย 70 % มีความต้องการสูงขึ้น เนื่องจากหลังเหตุการณ์อุบัติภัยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่น ทำให้ญี่ปุ่นและหลายประเทศ ทั่วโลกชะลอโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ออกไปและหันมาใช้เชื้อเพลิงอื่นๆรวมทั้งก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้ามากขึ้น ทำให้ราคาจะยืนอยู่ในระดับสูงในระยะยาว
นายสุทัศน์ กล่าวว่า กฟผ.พร้อมที่จะรับนโยบายจากกระทรวงพลังงานและที่ประชุม กพช.ที่จะให้มีการสร้างโรงไฟฟ้ากังหันก๊าซ 3 โรง ซึ่ง กฟผ.จะไปศึกษาความเหมาะสมของการก่อสร้างในพื้นที่เดียวกับโรงไฟฟ้าเดิมที่ปลดระวางแล้ว หรือในบริเวณใกล้เคียง เพื่อลดปัญหาการต่อต้านจากชุมชน อย่างไรก็ตาม โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เป็นทางเลือกของการผลิตและสร้างความมั่นคงทางไฟฟ้าของประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทยมีภูมิศาสตร์ที่ตั้งนอกเขตภัยพิบัติรุนแรง มองว่ายังคงสามารถสร้างได้หากมีการสื่อสารกับประชาชนในระดับที่ดีพอ