ภาคเอกชน รับอานิสงส์เลือกตั้ง เงินสะพัดทุกภาคธุรกิจลากยาวถึงรากหญ้า กระตุ้นเศรษฐกิจไตรมาส 2 โตพรวด ชี้ ปัจจัยบวกหนุนกำลังการซื้อคึกคัก พยุงรายได้ท่ามกลางราคาสินค้าที่ขึ้นราคา ชี้ เป็นโอกาสเปิดตัวสินค้าใหม่ อุตฯโฆษณา ยิ้มรับเงินสะพัด 1,000 ล้านบาท ลุ้นหากผลเลือกตั้งออกมาดี การเมืองไม่ป่วนเศรษฐกิจปี 54 โตกว่าปีที่ผ่านมา
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าปลีกค้าส่งไทย กล่าวว่า จากการที่ประเทศไทย จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสสอง จะส่งผลให้เงินสะพัดหลายภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมโฆษณา ทางโทรทัศน์ ป้าย บิลบอร์ด รวมทั้งสู่กลุ่มรากหญ้าทั่วประเทศ ซึ่งจะผลักดันให้กำลังการซื้อในช่วงไตรมาสสองคึกคัก โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤษภาคม และมิถุนายน นี้ ขณะที่กำลังการซื้อในช่วงปลายเดือนเมษายนอาจจะลดลง เพราะเป็นช่วงที่ประชาชนใช้จ่ายสูงในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา และจากเงินที่สะพัดสู่รากหญ้า ถือว่าเป็นปัจจัยบวก ช่วยอุ้มกำลังการซื้อของผู้บริโภคให้ดีขึ้น ท่ามกลางราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้น
ขายตรงชี้ผลเลือกตั้งดีหนุนเศรษฐกิจโต
นายปรีชา ประกอบกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงแอมเวย์ กล่าวว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น จะส่งผลให้เงินสะพัดในทุกภาคธุรกิจ และสู่ประชาชน ซึ่งเป็นส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศเติบโต อย่างไรก็ตาม กังวลว่า เมื่อผลเลือกตั้งที่ออกมา พรรคการเมืองใดจะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ ก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าการเมืองจะสงบเรียบร้อยหรือไม่ แต่ทั้งนี้ หากทุกอย่างเป็นตามคาด หวังว่า การเมืองสงบและมีสเถียรภาพ ก็จะส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้ น่าจะเติบโตดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
นางนลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการบริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด และอดีตนายกสมาคมการขายตรงไทย กล่าวว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจะส่งผลให้เม็ดเงินสะพัดในอุตสาหกรรมขายตรงบ้างแต่ไม่มากนัก เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นๆ อาทิ โฆษณาน่าจะมีการเติบโตและได้รับอานิสงส์มากที่สุด อย่างไรก็ตาม คาดว่า ภาพรวมตลาดขายตรงในช่วงไตรมาส 2 เติบโตเกือบ 10% ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่ดี ขณะที่กิฟฟารีนคาดว่าเติบโต 15% ได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน
ตลาดน้ำเมาคึกคักรับเลือกตั้ง
นายฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยสายการตลาด บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเบียร์สิงห์ กล่าวว่า ปีนี้ในช่วงไตรมาส 2 มีปัจจัยบวกด้านการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ทำให้มีเม็ดเงินสะพัดในทุกภาคอุตสาหกรรมและประชาชน กำลังการซื้อของผู้บริโภคดีขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งอยู่แล้ว ทั้งนี้ คาดว่า เงินเลือกตั้งเริ่มสะพัดตั้งแต่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทำให้ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เบียร์ เหล้า ซึ่งปกติในช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นไฮซีซัน หรือฤดูกาลขายสินค้ามียอดขายเติบโตที่ดี แม้ว่าปีนี้จะมีปัจจัยลบจากสภาพอากาศที่แปรปรวนและน้ำท่วมกระทบการท่องเที่ยวภาคใต้ไปบ้าง
อุตฯโฆษณาเงินสะพัดพันล้าน
นายปารเมศร์ รัชไชยบุญ ประธานกิติมศักดิ์ สมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในช่วงการเลือกตั้งใหม่ ที่มีระยะเวลาประมาณ 2 เดือนนี้ คาดว่า จะมีเม็ดเงินโฆษณาสะพัดเพิ่มขึ้นราวๆ 500-1,000 ล้านบาท โดยมีกฎหมายกำหนดให้ผู้สมัครเลือกตั้ง มีการใช้งบเพื่อหาเสียงเข้ามาเป็นตัวควบคุมให้เม็ดเงินโฆษณาสะพัดได้ไม่สูงจนเกินไป
ขณะที่อานิสงส์ของเม็ดเงินโฆษณาครั้งนี้ จะไปตกอยู่ที่เจ้าของสื่อมากกว่าบริษัทเอเยนซีโฆษณา เพราะในบริษัทเอเยนซีโฆษณา โดยเฉพาะบริษัทข้ามชาติจะมีกฎข้อห้ามในการที่จะไม่ยุ่งกับการโฆษณาทางการเมือง ขณะที่เจ้าของสื่อที่จะได้รับอานิสงส์ในครั้งนี้มีอยู่ 3 สื่อหลัก คือ 1.สื่อโทรทัศน์ จะเป็นสื่อสร้างการรับรู้ ประชาสัมพันธ์ในวงกว้าง 2.สื่อบิลบอร์ด สร้างการจดจำ และ 3.สื่อสิ่งพิมพ์ ในการขยายรายละเอียด และอาจจะมีไปถึงสื่อออนไลน์บ้าง
นางพรรณี ชัยกุล ประธานกลุ่มบริษัท โอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ ประเทศไทย จำกัด และกรรมการผู้จัดการโอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ แอดเวอร์ไทซิ่ง กล่าวต่อว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตได้ถึง 12-15% จาก 101,032 ล้านบาท เพราะช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาการเติบโตอยู่ที่ 12% ทั้งนี้ การเลือกตั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้น อาจจะส่งผลทางอ้อมให้กับภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณา เนื่องจากเป็นช่วงที่ทำให้บรรยากาศการจับจ่ายดีขึ้น ลูกค้าเองก็มองเห็นโอกาสในการที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่กันมากขึ้น
ด้าน นายธนวัฒน์ วันสม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเลือกตั้งใหม่ในครั้งนี้ มองว่า จะส่งผลดีต่อสื่อในเครืออสมท เนื่องจากอสมทได้ร่วมมือกับ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการประชาสัมพันธ์เพื่อรณรงค์การเลือกตั้ง และการใช้พื้นที่โฆษณาของพรรคการเมืองต่างๆ คาดว่า อสมท จะมีรายได้จากการใช้สื่อในช่วงเลือกตั้งปีนี้ประมาณ 100 ล้านบาท
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าปลีกค้าส่งไทย กล่าวว่า จากการที่ประเทศไทย จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสสอง จะส่งผลให้เงินสะพัดหลายภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมโฆษณา ทางโทรทัศน์ ป้าย บิลบอร์ด รวมทั้งสู่กลุ่มรากหญ้าทั่วประเทศ ซึ่งจะผลักดันให้กำลังการซื้อในช่วงไตรมาสสองคึกคัก โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤษภาคม และมิถุนายน นี้ ขณะที่กำลังการซื้อในช่วงปลายเดือนเมษายนอาจจะลดลง เพราะเป็นช่วงที่ประชาชนใช้จ่ายสูงในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา และจากเงินที่สะพัดสู่รากหญ้า ถือว่าเป็นปัจจัยบวก ช่วยอุ้มกำลังการซื้อของผู้บริโภคให้ดีขึ้น ท่ามกลางราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้น
ขายตรงชี้ผลเลือกตั้งดีหนุนเศรษฐกิจโต
นายปรีชา ประกอบกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงแอมเวย์ กล่าวว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น จะส่งผลให้เงินสะพัดในทุกภาคธุรกิจ และสู่ประชาชน ซึ่งเป็นส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศเติบโต อย่างไรก็ตาม กังวลว่า เมื่อผลเลือกตั้งที่ออกมา พรรคการเมืองใดจะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ ก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าการเมืองจะสงบเรียบร้อยหรือไม่ แต่ทั้งนี้ หากทุกอย่างเป็นตามคาด หวังว่า การเมืองสงบและมีสเถียรภาพ ก็จะส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้ น่าจะเติบโตดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
นางนลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการบริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด และอดีตนายกสมาคมการขายตรงไทย กล่าวว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจะส่งผลให้เม็ดเงินสะพัดในอุตสาหกรรมขายตรงบ้างแต่ไม่มากนัก เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นๆ อาทิ โฆษณาน่าจะมีการเติบโตและได้รับอานิสงส์มากที่สุด อย่างไรก็ตาม คาดว่า ภาพรวมตลาดขายตรงในช่วงไตรมาส 2 เติบโตเกือบ 10% ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่ดี ขณะที่กิฟฟารีนคาดว่าเติบโต 15% ได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน
ตลาดน้ำเมาคึกคักรับเลือกตั้ง
นายฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยสายการตลาด บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเบียร์สิงห์ กล่าวว่า ปีนี้ในช่วงไตรมาส 2 มีปัจจัยบวกด้านการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ทำให้มีเม็ดเงินสะพัดในทุกภาคอุตสาหกรรมและประชาชน กำลังการซื้อของผู้บริโภคดีขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งอยู่แล้ว ทั้งนี้ คาดว่า เงินเลือกตั้งเริ่มสะพัดตั้งแต่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทำให้ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เบียร์ เหล้า ซึ่งปกติในช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นไฮซีซัน หรือฤดูกาลขายสินค้ามียอดขายเติบโตที่ดี แม้ว่าปีนี้จะมีปัจจัยลบจากสภาพอากาศที่แปรปรวนและน้ำท่วมกระทบการท่องเที่ยวภาคใต้ไปบ้าง
อุตฯโฆษณาเงินสะพัดพันล้าน
นายปารเมศร์ รัชไชยบุญ ประธานกิติมศักดิ์ สมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในช่วงการเลือกตั้งใหม่ ที่มีระยะเวลาประมาณ 2 เดือนนี้ คาดว่า จะมีเม็ดเงินโฆษณาสะพัดเพิ่มขึ้นราวๆ 500-1,000 ล้านบาท โดยมีกฎหมายกำหนดให้ผู้สมัครเลือกตั้ง มีการใช้งบเพื่อหาเสียงเข้ามาเป็นตัวควบคุมให้เม็ดเงินโฆษณาสะพัดได้ไม่สูงจนเกินไป
ขณะที่อานิสงส์ของเม็ดเงินโฆษณาครั้งนี้ จะไปตกอยู่ที่เจ้าของสื่อมากกว่าบริษัทเอเยนซีโฆษณา เพราะในบริษัทเอเยนซีโฆษณา โดยเฉพาะบริษัทข้ามชาติจะมีกฎข้อห้ามในการที่จะไม่ยุ่งกับการโฆษณาทางการเมือง ขณะที่เจ้าของสื่อที่จะได้รับอานิสงส์ในครั้งนี้มีอยู่ 3 สื่อหลัก คือ 1.สื่อโทรทัศน์ จะเป็นสื่อสร้างการรับรู้ ประชาสัมพันธ์ในวงกว้าง 2.สื่อบิลบอร์ด สร้างการจดจำ และ 3.สื่อสิ่งพิมพ์ ในการขยายรายละเอียด และอาจจะมีไปถึงสื่อออนไลน์บ้าง
นางพรรณี ชัยกุล ประธานกลุ่มบริษัท โอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ ประเทศไทย จำกัด และกรรมการผู้จัดการโอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ แอดเวอร์ไทซิ่ง กล่าวต่อว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตได้ถึง 12-15% จาก 101,032 ล้านบาท เพราะช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาการเติบโตอยู่ที่ 12% ทั้งนี้ การเลือกตั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้น อาจจะส่งผลทางอ้อมให้กับภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณา เนื่องจากเป็นช่วงที่ทำให้บรรยากาศการจับจ่ายดีขึ้น ลูกค้าเองก็มองเห็นโอกาสในการที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่กันมากขึ้น
ด้าน นายธนวัฒน์ วันสม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเลือกตั้งใหม่ในครั้งนี้ มองว่า จะส่งผลดีต่อสื่อในเครืออสมท เนื่องจากอสมทได้ร่วมมือกับ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการประชาสัมพันธ์เพื่อรณรงค์การเลือกตั้ง และการใช้พื้นที่โฆษณาของพรรคการเมืองต่างๆ คาดว่า อสมท จะมีรายได้จากการใช้สื่อในช่วงเลือกตั้งปีนี้ประมาณ 100 ล้านบาท