นายกฯ แจงปล่อยน้ำมันถั่วเหลืองขึ้น 9 บาท เพราะต้นทุนพุ่งจนอั้นไม่ไหว ยอมรับ หมดปัญญาตรึงราคา เพราะไม่สามารถไปบิดเบือนกลไกตลาดได้ตลอด แย้มยังมีสินค้าอีกหลายรายการจ่อขึ้นราคาตาม พร้อมยืนยัน รัฐบาลจะเร่งนโยบายเพิ่มรายได้ ปชช.เพื่อแก้ปัญหา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวให้สัมภาษณ์กรณีปล่อยให้น้ำมันถั่วเหลืองปรับขึ้นราคาขวดละ 9 บาท แม้จะเป็นช่วงที่ประชาชนกำลังเดือดร้อนในเรื่องของแพงและปัญหาปากท้อง โดยยอมรับว่า เกิดจากราคาวัตถุดิบถั่วเหลือง ซึ่งเป็นต้นทุนหลักของน้ำมันพืชปรับสูงขึ้นมาก
“ปัญหานี้เกิดผลกระทบตั้งแต่ตอนที่ราคา น้ำมันปาล์มเขย่งราคาสูงขึ้นแล้ว ทำให้ราคาน้ำมันมันถั่วเหลือง และน้ำมันปาล์มที่เหลื่อมราคากันอยู่ ทางกระทรวงพาณิชย์ได้รายงานปัญหานี้ และพยายามชะลอไม่ให้มีการขึ้นราคามาโดยตลอด แต่ที่ตัดสินใจครั้งนี้คงไม่ไหวแล้ว”
นายกรัฐมนตรี กล่าวเสริมว่า ตนเองได้เคยบอกตั้งแต่แรกแล้วว่า สินค้าอุปโภคบริโภคบางตัวเราไม่สามารยันราคาได้ตลอดไป เพราะจะเกิดปัญหา การบิดเบือนโครงสร้างทางการตลาด และปัญหาขาดแคลนสินค้า ดังนั้น รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินโยบายเพิ่มรายได้ ให้กับประชาชนเพื่อแก้ไขปัญหามากกว่า
“ผมเห็นใจทุกคน เพราะเป็นสิ่งของที่มีความจำเป็นในชีวิต และถือว่าเป็นเรื่องยากที่เราจะยันราคาน้ำมันถั่วเหลืองไว้ได้ ในขณะที่ราคาน้ำมันปาล์ม อยู่ขวดละ 47 บาท และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ พิจารณาแล้วเห็นว่ายังต้องคงราคาน้ำมันปาล์มไว้ที่ขวดละ 47 บาท เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนในเรื่องของผลผลิต ที่ยังไม่ทราบว่าจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมมากน้อยแค่ไหน”
ทั้งนี้ หากสถานการณ์คลี่คลายทุกอย่างอาจจะค่อยๆ ปรับราคาลงได้ แต่ต้องขอดูสถานการณ์อีกระยะหนึ่ง และขณะนี้คิดว่าน้ำมันถั่วเหลืองคงจะไม่ ขึ้นราคาอีกแล้ว
เมื่อถามว่ารัฐบาลจะดูแลอย่างไร เพราะมีข่าวว่าสินค้าอุปโภคบริโภคประเภทอื่นเตรียมขึ้นราคาตามมา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะมีเรื่องของราคานมที่เราต้องซื้อน้ำนมดิบในราคาสูงขึ้น ส่วนปุ๋ยตนได้ย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลแล้วเพราะถือว่าเป็นต้นทุนที่สำคัญในการผลิต
สำหรับการจำหน่ายน้ำมันถั่วเหลืองในห้างสรรพสินค้า วานนี้ (6 เม.ย.) ซึ่งเป็นวันแรกหลังจากกระทรวงพาณิชย์ปรับขึ้นราคาขายขวดละ 9 บาท อยู่ที่ขวาดละ 55 บาท จากการสำรวจในห้างสรรพสินค้า พบว่ามีการวางจำหน่ายตามปกติ หลังก่อนหน้านี้ขาดตลาด
โดยจากการสอบถามประชาชนที่มาเลือกซื้อสินค้า ยังพบว่าการปรับราคาขึ้นถึง 9 บาท เห็นว่าสูงและแพง ประชาชนส่วนใหญ่จึงหันมาใช้น้ำมันปาล์มประกอบอาหารมากขึ้นเพราะราคาถูกกว่า เพียงขวดละ 47 บาทเท่านั้น ส่วนตลาดสดย่านจรัญสนิทวงศ์ พ่อค้าแม่ขายขายน้ำมันถั่วเหลือง ราคาขวดละ 55 บาทเช่นกัน จากการตรวจสอบไม่พบว่าขาดตลาดแต่อย่าง
นายสุรชาติ กิติวงศ์สุนทร พ่อค้าร้านขายของชำในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันถั่วเหลืองหรือน้ำมันปาล์มก็หาซื้อยากอยู่แล้ว เนื่องจากตามร้านค้าขายส่งจำกัดการซื้อครอบครัวละไม่เกิน 2 ขวด อีกทั้งยังมีของวางจำหน่ายอยู่ในชั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค จึงทำให้สินค้าขาดแคลน ประกอบกับในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา มีข่าวการขึ้นราคาน้ำมันถั่วเหลืองมาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้น้ำมันถั่วเหลืองแทบจะไม่มีวางขายในท้องตลาดเลย ตนหาซื้อสินค้ามาวางจำหน่ายภายในร้านไม่ได้ จะมีก็เพียงน้ำมันถั่วเหลืองชนิดขวดครึ่งลิตร และรองลงมาที่พอจะหาซื้อมาขายให้กับลูกค้าได้บ้าง
ส่วนน้ำมันถั่วเหลืองชนิดขวดลิตรนั้นยังหามาวางจำหน่ายไม่ได้เลย สำหรับน้ำมันถั่วเหลืองชนิดขวดเล็กยังคงจำหน่ายอยู่ในราคาเดิมที่ขายกันอยู่ก่อนหน้าที่จะมีการประกาศขึ้นราคาน้ำมันถั่วเหลือง โดยขวดขนาดครึ่งลิตรจะอยู่ที่ขวดละ 30 บาท ขวดขนาด 0.25 ลิตร ขวดละ 18 บาท ส่วนขวดขนาด 1 ลิตร หากหาซื้อมาวางจำหน่ายได้ ก็จะขายในราคาขวดละ 55 บาท ตามที่มีการกำหนดไว้เช่นเดียวกัน
ด้าน จังหวัดจันทบุรี พบว่า แม่ค้าหลายร้านในพื้นที่ ตำบลคลองนารายณ์ ไม่เห็นด้วยกับการที่ทางรัฐบาลได้มีการปรับราคาน้ำมันถั่วเหลืองเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจากทำให้ในปัจจุบันการขายน้ำมันพืชโดยเฉพาะขวดใหญ่ก็ขายยากอยู่แล้ว และรัฐบาลยังมีการมาปรับราคาน้ำมันถั่วเหลืองเพิ่มสูงขึ้นอีกขวดละ 9 บาท ทำให้การขายน้ำมันจึงขายยากขึ้นไปอีก รวมทั้งยังเป็นการแบกภาระให้กับผู้บริโภค และประชาชนเพิ่มขึ้นอีก
นอกจากสิ่งของอื่นก็มีการปรับราคาแพงขึ้นอยู่แล้ว ทำให้ในส่วนนี้ผู้บริโภคจะได้รับผลกระทบมากขึ้น และต้องมีการปรับเปลี่ยนการซื้อน้ำมันถั่วเหลืองจากเคยซื้อขวดใหญ่ก็ต้องมาซื้อน้ำมันถั่วเหลืองขวดกลาง และขวดเล็กแทน จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องมีการทบทวนการปรับราคาน้ำมันถั่งเหลืองเสียใหม่ว่าประชาชน และผู้บริโภคในระดับรากหญ้าจะมีเงินซื้อไหว
ทั้งนี้ ผลกระทบยังส่งผลเสียทำให้ร้านค้ากับขายน้ำมันถั่วเหลืองขวดใหญ่ได้ยากขึ้น เพราะผู้บริโภคไม่อยากซื้อน้ำมันถั่วเหลือที่แพงขึ้นน้ำมันถั่วเหลืองขวดใหญ่ จึงเหลือค้างสต๊อก เพราะผู้บริโภค และประชาชนจะหันไปซื้อน้ำมันถั่วเหลืองขวดกลางและขวดเล็กมากขึ้น นอกจากนี้ผู้บริโภคต้องมีการปรับเปลี่ยนการรับประทาน โดยการออกไปซื้อกับข้าวถุงที่มีราคา 15-20 บาท แทน เพราะดีกว่ามานั่งทำอีกด้วย