ครม.ไฟเขียวจ่ายโบนัส 1 เดือน ให้กับพนักงาน 5 ธนาคารรัฐ หลังทำผลงานปล่อยสินเชื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทะลุเป้า พร้อมไฟเขียวให้ขึ้นราคาน้ำนมดิบ 1 บาท เป็นกิโลละ 18 บาท “นมถุง-นมกล่อง” ปรับราคารับเปิดเทอม
นายแพทย์ มารุต มัสยวาณิช รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ให้มีการจ่ายเงินพิเศษให้กับสถาบันการเงินจำนวน 5 แห่ง ที่มาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ (ธ.ก.ส.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) และ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) โดยให้โบนัส 1 เท่าของเงินเดือน ซึ่งเป็นการใช้งบประมาณ 2554 มาดำเนินการดังกล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ได้รายงานต่อที่ประชุม ครม.ว่า ได้มอบหมายให้สถาบันการเงิน 5 แห่ง เป็นหน่วยงานรับผิดชอบการปล่อยสินเชื่อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามโครงการนโยบายรัฐบาล โดยมุ่งเน้นการให้สินเชื่อเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยในระดับฐานราก เกษตรกร และผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากยิ่งขึ้น
กระทรวงการคลัง พิจารณาเห็นว่า จากผลงานการปล่อยสินเชื่อดังกล่าว พนักงานของสถาบันการเงินทั้ง 5 แห่ง ได้ทุ่มเทและเสียสละในการดำเนินการเพื่อสนองนโยบายรัฐ ซึ่งในบางโครงการต้องอาศัยการออกพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยากและมีความเสี่ยงภัย อีกทั้งโครงการตามนโยบายรัฐบาล ถือเป็นการเพิ่มปริมาณงานให้แก่สถาบันการเงินเฉพาะกิจที่นอกเหนือจากงานประจำ จึงเห็นสมควรจ่ายเงินตอบแทนพิเศษให้พนักงานของสถาบันการเงินเฉพาะกิจทั้ง 5 แห่ง เป็นจำนวน 1 เท่าของเงินเดือนเพื่อเป็นการตอบแทนและสร้างขวัญกำลังใจให้กับพนักงานจากการปฏิบัติงานดังกล่าว
ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่มีส่วนในการกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2552 ถึงปี 2553 มีผลการดำเนินงานโดยสรุปจากภาพรวมการดำเนินงานภายใต้แผนขับเคลื่อนสถาบันการเงินเฉพาะกิจเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจทั้ง 5 แห่งดังกล่าว มีผลการอนุมัติสินเชื่อรวมในปี 2552 ทั้งสิ้นเป็นจำนวน 1,132,113 ล้านบาท คิดเป็น 127% ของเป้าหมาย และในปี 2553 เป็นจำนวน 1,340,082 ล้านบาท คิดเป็น 160% ของเป้าหมาย ซึ่งเป็นผลงานการปล่อยสินเชื่อที่สูงกว่าเป้าหมาย
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.ยังได้อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอให้ปรับเพิ่มราคาน้ำนมดิบอีกกิโลกรัมละ 1 บาท จากเดิมกิโลกรัมละ 17 บาท เป็นกิโลกรัมละ 18 บาท ตามมติคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2554 โดยให้มีผลนับแต่วันที่กระทรวงพาณิชย์ โดยคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการอนุญาตให้ผู้ประกอบการนมพาณิชย์ปรับราคาขายผลิตภัณฑ์นมในตลาดนมพาณิชย์ได้
พร้อมกันนี้ ครม.ยังได้อนุมัติปรับขึ้นราคากลางใหม่ จากนมพาสเจอร์ไรส์ จากราคากลางเดิม 6.26 บาทต่อถุง เป็น 6.37 บาทต่อถุง นมยูเอชที ชนิดกล่อง ราคากลางเดิม 7.55 บาทต่อกล่อง เป็น 7.61 บาทต่อกล่อง ชนิดซอง ราคากลางเดิม 7.45 บาทต่อซอง เป็น 7.51 บาทต่อซอง ทั้งนี้ ให้มีผลนับตั้งแต่ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2554 เป็นต้นไป
สำหรับสถานการณ์น้ำมันปาล์มนั้น ในขณะนี้ได้มีผลผลิตปาล์มออกสู่ตลาดมากขึ้น ทำให้ราคาปาล์มดิบปรับตัวลดลง ที่ประชุม ครม.จึงเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ด้วยการให้กระทรวงพลังงานขอความร่วมมือโรงกลั่นน้ำมันผลิตไบโอดีเซล จาก บี2 เป็น บี3 เพื่อดูดซับน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกิน เพื่อไม่ให้ราคาปาล์มดิบตกต่ำ
