กมธ.คมนาคม วุฒิสภา แสดงความเป็นห่วงโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง จะไม่สามารถดำเนินโครงการได้ทันในรัฐบาลชุดนี้ จี้ “ซาเล้ง” ทบทวนร่าง “เอ็มโอยู” สัดส่วนถือหุ้นไทย-จีน 51 ต่อ 49 ไม่เหมาะสม ต้องข้อสังเกต การร่วมทุน สปป.ลาว-จีน สัดสว่น 30 ต่อ 70 ราบรื่นฉลุย “คมนาคม” ยันเสร็จทันก่อนยุบสภา แน่นอน
นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา กล่าวภายหลังรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนากิจการรถไฟระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการดำเนินการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง (High Speed Train) จาก นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยระบุว่า คณะกรรมาธิการได้ติดตามโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และมีข้อกังวลหลายอย่าง โดยเฉพาะการดำเนินการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงในสายแรก คือ กรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะทาง 615 กิโลเมตร วงเงินลงทุนกว่า 150,000 ล้านบาท มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง รวมทั้งในส่วนของระยะเวลาโครงการนั้น เกรงว่า อาจมีความล่าช้าออกไปจากแผน และไม่สามารถดำเนินโครงการได้ทันในรัฐบาลชุดนี้
ดังนั้น กมธ.จึงขอให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดโครงการดังกล่าวให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศ โดยเฉพาะการจัดทำร่างบันทึกข้อตกลงร่วมฝ่ายไทย (เอ็มโอยู) ที่จะไปหารือร่วมกับประเทศจีนนั้น มีการแบ่งสัดส่วนการถือหุ้นในรัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นใหม่ เพื่อดำเนินการพัฒนาการก่อสร้างโครงการทั้งหมด มีความเหมาะสมหรือไม่ เพราะฝ่ายไทยจะมีสัดส่วนการถือหุ้นที่ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 51 และฝ่ายจีนร้อยละ 49 แตกต่างจากเอ็มโอยูของจีนร่วมมือกับประเทศลาวในสัดส่วนจีนร้อยละ 70 และลาวร้อยละ 30
ขณะที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงความคืบหน้าของโครงการ ว่า ล่าสุด คณะทำงานเพื่อดำเนินงานความร่วมมือด้านรถไฟ ระหว่างไทย-จีน ฝ่ายไทย ที่มี นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม อยู่ระหว่างรวบรวมรายละเอียดโครงการ เพื่อไปเจรจากับคณะผู้แทนฝ่ายจีน เกี่ยวกับการจัดทำเอ็มโอยูฉบับสมบูรณ์ ซึ่งคาดว่าภายในต้นเดือนเมษายน 2554 จะเริ่มการเจรจาได้ และหากได้ข้อสรุปจะเร่งนำเสนอเข้าสู่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณา และเสนอไปยังรัฐสภาเพื่อเห็นชอบ จากนั้นจึงไปลงนามความร่วมมือกับจีนได้ภายในรัฐบาลชุดนี้อย่างแน่นอน