รมว.พลังงาน แจงความร่วมมือ 7 ประเทศ “อาเซียน” เชื่อมโยงเครือข่ายพลังงานร่วมกัน ทั้งไฟฟ้า-น้ำมัน เพื่อรับมือเหตุฉุกเฉิน สมาชิกสามารถดึงพลังงาน-สำรองน้ำมัน จากเพื่อบ้านมาใช้ได้ ยันแผนสร้าง รง.ไฟฟ้านิวเคลียร์ 5 แห่งใน 5 ปี ไม่มีอนุมัติใน รบ.ชุดนี้แน่ แต่ให้คณะทำงานศึกษา ว่า พลังงานนิวเคลียร์มีความจำเป็นกับประเทศไทยหรือไม่ ถ้าจำเป็นต้องดำเนินการอย่างไร และหากยกเลิกแผนก่อสร้าง จะมีพลังงานอื่นทดแทนอย่างไรบ้าง
นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวระหว่างการเปิดงานประชุมความร่วมมือการกำกับกิจการพลังงานระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) โดยระบุว่า การประชุมครั้งนี้ เพื่อสร้างความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างกลุ่มอาเซียน 7 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน ลาว กัมพูชา เวียดนาม และไทย และยังเชิญเกาหลีเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ด้านพลังงาน เพื่อการพึ่งพาและเชื่อมโยงเครือข่ายด้านพลังงานระหว่างกัน โดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินได้มีการเชื่อมระบบสายส่งระหว่างอาเซียนเข้าด้วยกัน จึงสามารถดึงพลังงานไฟฟ้าจากประเทศอื่นมาใช้ในประเทศได้ รวมถึงการสำรองน้ำมันก็ใช้ลักษณะเดียวกันด้วย โดยเฉพาะหากเกิดเหตุฉุกเฉินด้านปิโตรเลียมสามารถดึงปริมาณสำรองจากประเทศเพื่อนบ้านมาใช้ในลักษณะเดียวกันได้
ส่วนแผนการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของไทย ซึ่งเดิมมีกำหนดก่อสร้างโรงไฟฟ้า 5 แห่ง ในช่วง 5 ปีข้างหน้า จากประสบการณ์เหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่น จึงต้องทบทวนแผนดังกล่าวให้มีความชัดเจนและรัดกุม โดยมอบหมายให้คณะทำงานศึกษาว่าพลังงานนิวเคลียร์มีความจำเป็นกับประเทศไทยหรือไม่ ถ้าจำเป็นต้องดำเนินการอย่างไร และหากยกเลิกแผนก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แล้ว จะมีพลังงานอื่นทดแทนอย่างไรบ้าง
“สิ่งสำคัญในตอนนี้ คือ ไทยต้องเร่งหาพลังงานจากก๊าซธรรมชาติ ถ่านหินสะอาด และการรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว แต่การพึ่งพาพลังงานไฟฟ้าจากเพื่อนบ้านมากเกินไป ก็จะมีความเสี่ยง หากเกิดกรณีความขัดแย้งกับเพื่อนบ้าน จึงต้องบริหารจัดการพลังงานให้เหมาะสมและพึ่งพาตนเองมากที่สุด”
ดังนั้น ขณะนี้ประเทศไทยจึงไม่มีการส่งข้อสรุปเกี่ยวกับการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยขณะนี้ พลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) ได้เข้ามาตรวจสอบแผนของไทยอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว แต่คงต้องดำเนินการทุกอย่างให้ชัดเจน ซึ่งจะไม่มีการเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงรัฐบาลนี้
