xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์” ชี้ต้นเหตุปุ๋ยแพงเพราะนำเข้า - “มาร์ค” แนะใช้ราคาแนะนำคุมตลาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“พาณิชย์” ชี้ ต้นเหตุปุ๋ยแพงเกิดจากราคาน้ำมัน-เป็นสินค้านำเข้า แนะการตั้งราคา ควรให้เกษตรกรยอมรับได้ “มาร์ค” ส่งสัญญาณใช้ราคาแนะนำตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง เพื่อป้องกันการเอาเปรียบ ด้าน คน.ขู่ผู้ค้าหากปรับขึ้นราคาโดยไม่ได้รับอนุญาต เจอโทษหนักแน่ ส่วนปัญหาน้ำมันปาล์มขาดแคลน เตรียมยื่นนำเข้าเพิ่มอีก 5 หมื่นตัน

นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการหัวข้อ “ราคาปุ๋ยเคมีกับทางรอดของเกษตรกรไทย” โดยเชิญผู้ค้าปุ๋ยและผู้เชี่ยวชาญด้านปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยชีวภาพ มาแลกเปลี่ยนสถานการณ์การใช้ปุ๋ยในประเทศไทย เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่เกษตรกรนอกเหนือจากการใช้ปุ๋ยเคมี โดยยอมรับว่า ปุ๋ยมีราคาแพง มาจากการใช้น้ำมันเป็นวัตถุดิบ และต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ราคาปุ๋ยจึงผกผันตามราคาน้ำมัน

ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเสริมว่า ขณะนี้มีการนำเข้าปุ๋ยเคมีจำนวนมาก จึงต้องทบทวนว่ามากเกินความจำเป็นหรือไม่ และใช้แล้วมีประสิทธิภาพคุ้มค่าหรือเปล่า ขณะที่เกษตรกรสามารถเลือกใช้ปุ๋ยทางเลือก เช่น ผลิตปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยชีวภาพด้วยตัวเอง เพื่อลดต้นทุนการผลิต และไม่เดือดร้อนจากการปรับราคาปุ๋ยเคมี ดังนั้น การประชุมร่วมในครั้งนี้ เพื่อต้องการให้แต่ละฝ่ายได้นำปัญหาและสิ่งที่ยอมรับได้หากมีการปรับราคาปุ๋ยเคมีขึ้น ควรเป็นราคาที่เกษตรกรรับได้

ด้าน นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) กล่าวถึงกรณีที่ผู้ค้าปุ๋ยขอปรับขึ้นราคา โดยอ้างเหตุน้ำมันแพงและแอบปรับราคาปุ๋ยยูเรียสูตร 46-0-0 จากราคาตันละ 11,000 บาท เป็น 12,000-12,500 บาท โดยมองว่า เป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค แม้ว่าต้นทุนจะแพงขึ้นจริง แต่การปรับขึ้นราคาสินค้าจะต้องได้รับความเห็นชอบจากกรมการค้าภายในก่อน และจะต้องผ่านการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการพิจารณาราคาแนะนำปุ๋ย

นางวัชรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงต้นสัปดาห์หน้าจะมีการพิจารณาในเรื่องของราคาปุ๋ยจากคณะอนุกรรมการอยู่แล้ว ทำให้ขณะนี้ผู้ประกอบการจะต้องจำหน่ายปุ๋ยในราคาเดิมไปก่อน หากรายใดมีการปรับราคาขึ้นโดยที่ยังไม่ได้รับอนุมัติเป็นการกระทำความผิดต่อกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับต่อไป

“กรมการค้าภายในจะเร่งตรวจสอบโครงสร้างต้นทุนอย่างละเอียด และจะเรียกประชุมคณะอนุกรรมการช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2554 นี้ โดยจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งกรมได้รับนโยบายจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แนะนำว่า ควรมีการกำหนดราคาแนะนำตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง เพื่อให้เกษตรกรรับทราบ และไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ”

ขณะเดียวกัน จะกำหนดให้ผู้ค้าปุ๋ยแจ้งปริมาณนำเข้า รวมถึงต้นทุน และสถานที่เก็บเป็นรายเดือน หรือทุกล็อตที่มีการนำเข้าปุ๋ยเคมี เพื่อให้ได้รับทราบข้อมูลโครงสร้างต้นทุนที่ทันกับสถานการณ์จริง พร้อมกันนี้ ยังย้ำว่า ผู้ค้าปุ๋ยเคมีไม่สามารถปรับขึ้นราคาได้เอง เพราะเป็นสินค้าควบคุม การขึ้นราคาจะต้องได้รับการอนุมัติจากกรมการค้าภายในและการฉวยโอกาสปรับราคาเอง จะถูกดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด

ส่วนปัญหาการขาดแคลนน้ำมันปาล์มในตลาดขณะนี้ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ทุกฝ่ายกำลังเร่งหาทางออกเพื่อช่วยลดภาระให้ผู้บริโภค ส่วนน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ที่มีการนำเข้าจำนวน 30,000 ตัน ล่าสุด จะมีการนำเข้าทั้งหมดภายในวันที่ 30 มกราคม 2554 นี้ และคาดว่าในสัปดาห์หน้า น้ำมันปาล์มที่นำเข้าจะสามารถกระจายไปสู่ผู้บริโภคได้

ขณะเดียวกัน แม้ปริมาณผลปาล์มดิบภายในประเทศเริ่มออกสู่ตลาดแต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้น กรมการค้าภายในได้เสนอแผนการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบกึ่งบริสุทธิ์เพิ่มเติมอีกจำนวนไม่น้อยกว่า 50,000 ตันขึ้นไป เพื่อลดผลกระทบจากปริมาณน้ำมันปาล์มในตลาดเกิดการขาดแคลนอย่างหนัก โดยเสนอไปยัง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติแล้ว คาดว่า คณะกรรมการจะเรียกประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ในสัปดาห์หน้า
กำลังโหลดความคิดเห็น